fbpx

เทียบหมัดต่อหมัด BYD Sealion 6 DM-i Premium กับ Honda CR-V e:HEV RS

ล่าสุด BYD แบรนด์รถยนต์จากประเทศจีน ที่มียอดขายสูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย (ในกลุ่มแบรนด์รถยนต์จีน) ได้ส่งรถยนต์เอสยูวี Plug-in Hybrid รุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง BYD Sealion 6 DM-i เข้าสู่ตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมเปิดราคาขายสุดเร้าใจที่ 939,900 บาท ในรุ่น Dynamic และราคา 1,039,000 บาท ในรุ่น Premium ซึ่งถือเป็นรุ่นท็อปสุดที่ทำตลาดในประเทศไทย และได้รับความสนใจและเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยมจากลูกค้าชาวไทย

BYD Sealion 6 DM-i
BYD Sealion 6 DM-i

การมาถึงของ Sealion 6 DM-i เรียกได้ว่าเป็นการสร้างแรงกระแทกในวงการรถยนต์ของประเทศไทยไม่น้อย เนื่องจากรถยนต์ในกลุ่ม C-SUV ที่เป็นรถยนต์สันดาปและไฮบริดนั้นมีผู้เล่นในตลาดนี้อยู่ไม่มากนัก โดยจะมีรถที่คนไทยคุ้นหูอย่าง Honda CR-V ซึ่งถือเป็นผู้ครองตลาดหลักอยู่ ณ ขณะนี้ ครองส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่มากถึงราว ๆ 80 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว โดยในบทความนี้เราจะทำการเปรียบเทียบสเปกระหว่าง BYD Sealion 6 DM-I รุ่นย่อย Premium และ Honda CR-V รุ่นย่อย e:HEV RS ซึ่งเป็นรถรุ่นท็อปสุดด้วยกันทั้ง 2 รุ่น มาดูกันว่ารถทั้ง 2 รุ่นนี้ จะมีจุดดีและจุดด้อย แตกต่างกันอย่างไรบ้าง

Honda CR-V e:HEV RS
Honda CR-V e:HEV RS

ขนาดมิติตัวถัง

สำหรับรถทั้ง 2 รุ่นนี้ จัดอยู่ในกลุ่ม C-SUV เหมือนกัน โดยแต่ละรุ่นมีขนาดมิติตัวถังดังนี้

 

BYD Sealion 6 DM-i Premium

Honda CR-V e:HEV RS

ความกว้าง

1,890 มิลลิเมตร

1,866 มิลลิเมตร

ความยาว

4,775 มิลลิเมตร

4,691 มิลลิเมตร

ความสูง

1,670 มิลลิเมตร

1,691 มิลลิเมตร

ระยะฐานล้อ

2,765 มิลลิเมตร

2,700 มิลลิเมตร

ความสูงใต้ท้องรถ (Ground Clearance)

180 มิลลิเมตร

208 มิลลิเมตร

น้ำหนัก

1,850 กิโลกรัม

1,815 กิโลกรัม

เมื่อมาดูขนาดรถทั้ง 2 รุ่น จะพบว่า ทางฝั่ง Sealion 6 จะมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่า Honda CR-V ในแทบทุกมิติ โดยมีความกว้างที่มากกว่า 24 มิลลิเมตร, ยาวกว่า 84 มิลลิเมตร, เตี้ยกว่า 21 มิลลิเมตร, ระยะฐานล้อยาวกว่า 65 มิลลิเมตร, ความสูงใต้ท้องรถต่ำกว่า 28 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักที่มากกว่า 35 กิโลกรัม

เครื่องยนต์

มาต่อกันที่ขุมพลังของรถทั้ง 2 รุ่น ที่ถึงแม้ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ระบบไฮบริดเหมือนกัน แต่ก็มีจุดที่แตกต่างกันอยู่พอสมควรดังนี้

BYD Sealion 6 DM-i Premium – มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้พละกำลังรวมสูงสุดที่ 218 แรงม้า พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 300 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า จับคู่กับแบตเตอรี่ BYD Blade Battery ขนาด 18.3 kWh สามารถวิ่งได้ด้วยโหมดไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ไกลสูงสุด 95 กิโลเมตร (NEDC) รองรับการชาร์จไฟ AC ที่ 6.6 kW และ DC ที่ 18 kW นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบ V2L จ่ายกระแสไฟฟ้าสู่ภายนอก

BYD Sealion 6 DM-i Premium

Honda CR-V e:HEV RS – มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้พละกำลังรวมสูงสุดที่ 207 แรงม้า พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 330 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ จับคู่กับแบตเตอรี่ Lithium ion (ไม่มีข้อมูลขนาดแบตเตอรี่ และไม่มีข้อมูลว่าสามารถวิ่งได้ด้วยโหมดไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้กี่กิโลเมตร)

Honda CR-V e:HEV RS

ถึงแม้ว่ารถทั้ง 2 คัน จะมีพละกำลังแรงม้าและแรงบิดที่ใกล้เคียงกัน โดย Sealion 6 จะมีกำลังแรงม้าที่มากกว่า CR-V e:HEV อยู่ 11 แรงม้า แต่แรงบิดกลับน้อยกว่า 30 นิวตัน-เมตร แต่ความแตกต่างที่สำคัญก็คือ ระบบไฮบริดของ Sealion 6 จะสามารถชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ได้โดยตรง (Plug-in Hybrid) และสามารถวิ่งได้ด้วยโหมดไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ถึง 95 กิโลเมตร รวมถึงยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ V2L แต่ CR-V e:HEV จะได้เปรียบตรงระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งให้การยึดเกาะที่ดีกว่า

ออปชันความปลอดภัย

ในเมื่อรถทั้ง 2 รุ่น ถือเป็นรถรุ่นท็อปเหมือนกัน ดังนั้นออปชันและฟีเจอร์ก็ถูกใส่เข้ามาในรถอย่างจัดเต็มเช่นเดียวกัน โดยเราจะมาเปรียบเทียบออปชันเด่น ๆ ของรถทั้ง 2 คัน ว่าจะมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง

ออปชันความปลอดภัย BYD Sealion 6 DM-i Premium

  • ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย)
  • ระบบเบรกอัตโนมัติ (AEB)
  • ระบบเตือนการชนด้านหน้า (FCW)
  • ระบบแจ้งเตือนคาดการณ์การชนล่วงหน้า (PCW)
  • ระบบช่วยเตือนการชนด้านท้าย (RCW)
  • ระบบจดจำป้ายจราจร (TSR)
  • ระบบเตือนเปลี่ยนเลน (LDW)
  • ระบบป้องกันรถออกนอกเลน (LDP)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องจราจร (LKA)
  • ระบบเตือนเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA)
  • ระบบเบรกอัตโนมัติเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB)
  • ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตา (BSD)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อเปิดประตูรถ (DOW)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control with Stop & Go)
  • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (HMA)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้า (DAW)

BYD Sealion 6 DM-i Premium

ออปชันความปลอดภัย Honda CR-V e:HEV RS

  • ถุงลมนิรภัย 8 ตำแหน่ง (ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ถุงลมนิรภัยด้านข้าง, ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่า)
  • ระบบความปลอดภัย Honda Sensing ประกอบไปด้วย
    • ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (CMBS)
    • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (LKAS)
    • ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (RDM with LDW)
    • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (AHB)
    • ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ (ADB)
    • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (ACC with LSF) *ไม่ทำงานจนถึงจุดหยุดนิ่ง
    • ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (LCDN)
  • ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch)
  • ไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (ACL)
  • ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor)

Honda CR-V e:HEV RS

รถทั้ง 2 รุ่น ได้ออปชันและฟีเจอร์ช่วยเหลือการขับขี่มากมาย แต่ทางด้าน BYD Sealion 6 จะมีความได้เปรียบตรงที่ระบบ Adaptive Cruise Control จะทำงานจนถึงจุดหยุดนิ่ง (Stop & Go) รวมถึงระบบเตือนและเบรกอัตโนมัติเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA & RCTB) รวมถึง ระบบจดจำป้ายจราจร TSR ซึ่งทางคู่เปรียบเทียบจะไม่มีฟีเจอร์ดังกล่าว แต่ทางฝั่ง CR-V e:HEV RS จะมีฟีเจอร์ที่เหนือกว่าคือ ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ (ADB) ที่จะปรับลดระดับไฟในสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น ขับตามรถคันหน้า เวลามีรถสวนทางเวลากลางคืน หรือเมื่อมีคนเดินอยู่ริมทาง รวมถึงระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (LCDN) และระบบไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (ACL) และฟังก์ชันไฮไลท์ที่แฟน ๆ Honda ชื่นชอบก็คือ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch)

 

ราคาและการรับประกัน

ถึงแม้ว่ารถทั้ง 2 คัน จะมีคุณสมบัติในด้านต่าง ๆ ที่ใกล้เคียงกัน แต่ทว่า “ราคา” กลับแตกต่างกันมากถึงเกือบ 7 แสนบาท โดยรถทั้ง 2 รุ่นมีราคา และการรับประกันดังนี้

BYD Sealion 6 DM-I Premium ราคา 1,039,000 บาท

  • รับประกันคุณภาพตัวรถ 6 ปี หรือ 150,000 กม.
  • รับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 8 ปี หรือ 160,000 กม.

Honda CR-V รุ่นย่อย e:HEV RS ราคา 1,729,000 บาท

  • รับประกันคุณภาพตัวรถ 3 ปี หรือ 100,000 กม. (สามารถซื้อ Honda ultimate care เพื่อขยายการรับประกันได้)
  • รับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

สุดท้ายนี้ ถึงแม้ว่ารถทั้ง 2 รุ่น จะมีราคาที่แตกต่างกันเป็นอย่างมาก แต่ต้องอย่าลืมว่าชื่อชั้นของแบรนด์ Honda ในประเทศไทย ทั้งในเรื่องของบริการหลังจากขาย การซ่อมบำรุง อะไหล่ รวมถึงคุณภาพของตัวรถ รวมถึงภาพลักษณ์ความเป็นแบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่น สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของคุณ ว่าคุณจะเลือกคันไหน อย่างไรก็ตามเราขอแนะนำให้คุณไปสัมผัสรถคันจริงพร้อมทดลองขับก่อนตัดสินใจซื้อ

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : BYD / Honda

รับชมข่าวสารยานยนต์อื่นๆที่น่าสนใจ คลิกที่นี่

รับชมคลิปวีดีโอทดสอบรถของเรา คลิกที่นี

บทความที่น่าสนใจ

นักออกแบบ Ford F-150 Raptor 2021 เผยเขามี Iron Man เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ

idiot

GPI เคาะวันจัดงาน Motor Show 2021 ครั้งที่ 42 ประกาศจัดแน่ 24 มี.ค. – 4 เม.ย.นี้!!

idiot

CARRO จับมือเต๊นท์รถมือสองในประเทศไทย ขยับย้ายช่องทางการขายสู่ยุคดิจิตอล

idiot

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy