fbpx

ทดลองขับ Tesla Model 3 LR วิ่งไปกลับ 131 กิโลเมตรในสภาพอากาศร้อนจัด แบตจะลดลงกี่เปอร์เซ็นต์ ?

วันนี้เราจะพาทุกท่านไปดูกันว่ารถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 Long Range AWD หากนำมาวิ่งในสภาพการจราจรกลางเมือง – ชานเมือง ด้วยระยะทางวิ่งไป-กลับที่ราวๆ 130 กิโลเมตร แบตเตอรี่จะลดลงกี่เปอร์เซ็นต์, ความรู้สึกในขณะนั่งโดยสารและขับขี่จะเป็นอย่างไร พร้อมพิสูจน์สถานีชาร์จ Supercharger ที่ Central World ว่าจะชาร์จไฟได้เร็วและแรงจริงหรือไม่

Tesla Model 3 LR (Long Range AWD)
Tesla Model 3 Long Range

 

พวกเราทีมงานเว็ปไซต์ Carvariery และรายการ ฅ. คนรักรถ ได้เข้าไปรับรถ Tesla Model 3 LR ที่อาคาร Vanissa Building ถนนชิดลม โดยได้มีเจ้าหน้าที่จากทางเทสล่า ประเทศไทย มาแนะนำวิธีการใช้งานและฟังก์ชั่นของตัวรถอย่างละเอียด ซึ่งตอนที่พวกเราไปรับรถมานั้นมีปริมาณไฟฟ้าในแบตเตอรี่อยู่ที่ 95 เปอร์เซ็นต์

หลังจากที่ฟังคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเราได้เริ่มออกเดินทางไปยัง “สะพานแดง จุดชมวิวปลาโลมา” หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมซึ่งตั้งอยู่บริเวณ ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร โดยในช่วงแรกผู้เขียนได้นั่งบริเวณเบาะโดยสารด้านหลัง

หลังจากที่เดินทางฝ่ารถติดโซนสุขุมวิท – พระราม 4 เราตัดสินใจขึ้นทางด่วนศรีรัชบริเวณสะพานเหลือง ตามคำแนะนำของระบบนำทางที่มากับตัวรถ ซึ่งทำงานได้อย่างลื่นไหล และสามารถดูเส้นทางได้อย่างง่ายดายจากหน้าจอกลางซึ่งมีขนาดใหญ่ถึง 15 นิ้ว

ใกล้ถึงจุดหมายของเรา “สะพานแดง”

 

และแล้วเราก็ได้เดินทางมาถึง “สะพานแดง” จุดหมายปลายทางของเราในวันนี้ แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าในช่วงเวลาที่เราเดินทางไปถึง (ประมาณ 12.00 น.) ระดับน้ำทะเลลดลงเป็นอย่างมาก โดยจากการสอบถามกับผู้คนในพื้นที่ได้บอกกับพวกเราว่า เวลาที่เหมาะสมในการมาเที่ยวชมที่นี่ควรจะมีในช่วงเย็น (16.00 น. เป็นต้นไป) จะพบกับวิวทิศทัศน์และบรรยากาศที่สวยงามมากกว่านี้ โดยเราใช้ระยะทางวิ่งไปทั้งหมด 72 กิโลเมตรจากจุดที่รับรถ และเหลือปริมาณไฟในแบตเตอรี่อยู่ที่ 73 เปอร์เซ็นต์ (ลดลง 22 เปอร์เซ็นต์)

ระยะทางจากจุดรับรถถึงสะพานแดงอยู่ที่ 72 กิโลเมตร และใช้ไฟฟ้าไป 15 kWh

 

ความคิดเห็นของผู้โดยสารตอนหลัง

  • เบาะโดยสารด้านหลัง ให้ความสบายในการเดินทางในระดับหนึ่ง แต่พื้นที่วางเท้าและพื้นที่ว่างเหนือศีรษะมีค่อนข้างน้อย (ผู้เขียนสูง 173 เซนติเมตร)
  • การเข้าออกห้องโดยสารตอนหลัง ไม่ค่อยสะดวกสบายเท่าไหร่นัก เนื่องจากทางเข้ามีขนาดเล็กพอสมควร แต่เข้าใจได้ว่าตัวรถออกแบบมาให้มีกลิ่นอายความเป็นรถสปอร์ต จึงอาจส่งผลต่อพื้นที่ทางเข้าห้องโดยสารตอนหลัง
  • ในวันที่เราได้นำรถไปทดสอบ มีแสงแดดแรง และสภาพอากาศภายนอกขึ้นสูงถึง 40 องศาเซลเซียส บวกกับหลังคากระจกของตัวรถ Tesla ทำให้จำเป็นต้องเร่งลมแอร์จนเกือบสุด จึงจะสามารถสู้กับแสงแดดและอากาศที่ร้อนจัดได้

พื้นที่ห้องโดยสารตอนหลัง
หลังคากระจกของ Tesla Model 3
พื้นที่วางขา เพียงพอต่อการโดยสาร แต่ไม่สามารถเหยียดขาได้มากนัก

หลังจากที่เราแวะถ่ายภาพที่สะพานแดงเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราได้แวะศาลพันท้ายนรสิงห์ ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพ โดยในช่วงนี้ผู้เขียนได้สลับมาเป็นผู้ขับ และเดินทางมุ่งหน้าสู่สถานีชาร์จ Supercharger ที่ Central World เพื่อทดลองชาร์จไฟว่าจะเร็วตามที่ผู้ผลิตเคลมเอาไว้หรือไม่

ทดลองอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ในสเปคของตัวรถระบุว่า Tesla Model 3 LR สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 ได้ภายใน 4.4 วินาที ซึ่งจากการทดสอบของพวกเรา ได้ผลการทดสอบออกมาดังนี้

  • โหมดชิลล์  – อัตราเร่ง 0-100 ใน 8.7 วินาที
  • โหมดมาตรฐาน – อัตราเร่ง 0-100 ใน 5.3 วินาที

หมายเหตุ : ในวันที่ทำการทดสอบมีสภาพอากาศร้อนจัด และมีจำนวนผู้โดยสารมากถึง 3 คน ซึ่งอาจส่งผลต่อตัวเลขอัตราเร่ง

ถึงแม้ว่าตัวเลขที่ออกมาจะช้ากว่าที่เคลมเอาไว้ แต่อัตราเร่งของ Model 3 LR เรียกได้ว่าเหลือกินเหลือใช้ในการใช้งานในชีวิตประจำวัน ทั้งเดินทางต่างจังหวัดและการใช้งานในเมือง โดยในโหมดมาตรฐานเมื่อกดคันเร่งลงไปสุด ตัวรถก็พุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วในแทบจะทันทีที่กดคันเร่ง ในขณะที่โหมดชิลล์จะให้อัตราเร่งที่นุ่มนวลกว่ามากพอสมควร ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนมองว่าในการใช้งานในเมืองหรือชานเมือง “โหมดชิลล์” ก็ให้อัตราเร่งที่เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว

 

ช่วงล่าง แอบตึงตังเล็กน้อย แต่แน่น เฟิร์ม และหนึบ !!

มาถึงอีกหนึ่งประเด็นที่มีหลายๆคนพูดถึงเจ้า Model 3 อยู่บ่อยครั้ง นั่นก็คือ ช่วงล่างกระด้างและแข็ง ซึ่งในความคิดเห็นส่วนตัวของเราเมื่อได้มาขับรถรุ่นนี้ก็ต้องบอกเลยว่า มันแอบมีความกระด้างและตึงตังอยู่เล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกรำคาญหรือหงุดหงิดแต่อย่างใด แต่เมื่อลองขับด้วยความเร็วสูงและเข้าโค้งกลับพบว่า ช่วงล่างของรถคันนี้เอาอยู่และให้ความมั่นใจในการขับขี่ด้วยความเร็วสูงได้เป็นอย่างดี และเรายังได้ทดลองวิ่งผ่านคอสะพานด้วยความเร็วสูงก็พบว่า ตัวรถเก็บอาการได้อย่างอยู่หมัดและให้ความรู้สึกปลอดภัยกับผู้ขับขี่และผู้โดยสารเป็นอย่างมาก

ทดลองระบบ Autopilot บนถนนพระราม 2

มาถึงอีกหนึ่งไฮไลท์ของรถยนต์ Tesla ทุกรุ่นนั่นก็คือ ระบบขับขี่อัตโนมัติหรือ Autopilot ซึ่งเราได้ทดสอบใช้ระบบนี้บริเวณถนนพระราม 2 ซึ่งมีสภาพผิวถนนที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก และมีการปิดผิวจราจรบางส่วนเพื่อก่อสร้างถนนและทางพิเศษ รวมถึงสภาพการจราจรก็ค่อนข้างหน้าแน่นอยู่พอสมควร ซึ่งในทีแรกเราคิดว่าเจ้าระบบ Autopilot ของเทสล่าน่าจะไม่สามารถต่อกรกับสภาพการจราจรของถนนพระราม 2 ได้

แต่ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นกลับผิดคาด เพราะระบบขับขี่อัตโนมัติสามารถทำงานได้อย่างแม่นยำ โดยในระยะทางราวๆ 20 กิโลเมตรที่เราทดลองใช้ระบบ Autopilot เราแทบไม่ต้องควบคุมรถเลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งสามารถช่วยลดภาระและความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างมาก โดยตลอดการทดสอบนั้นมีเพียง 1 ครั้งที่ระบบขับขี่อัตโนมัติถูกยกเลิก เนื่องจากเส้นถนนในช่วงนั้นมีการตีเส้นทับกันไปมาและมีการปิดผิวจราจรบางส่วนอีกด้วย

 

ทดลองสถานีชาร์จ Supercharger ที่ห้าง Central World

ก่อนที่เราจะส่งมอบรถคืนที่อาคาร Vanissa Building เราได้นำรถ Tesla Model 3 LR มาทดลองชาร์จที่สถานีชาร์จ Supercharger V3 ที่มีกำลังชาร์จสูงสุดมากถึง 250 kW ซึ่งตั้งอยู่บริเวณลานจอดรถชั้น B1 ของห้างสรรพสินค้า Central World ซึ่งเมื่อเรามาถึงพบว่า มีช่องชาร์จเหลือว่างเพียง 1 ช่องจากทั้งหมด 9 หัวชาร์จ

ตอนที่เรามาถึงตัวรถมีปริมาณแบตเตอรี่เหลืออยู่ที่ 51 เปอร์เซ็นต์ และวิ่งไประยะทางทั้งหมด 131 กิโลเมตร

วิธีการใช้งานหัวชาร์จ Tesla Supercharger ก็ง่ายดายมาก เพียงนำหัวชาร์จไปจ่อใกล้ๆกับช่องชาร์จที่ซ่อนอยู่บริเวณใกล้กับไฟท้ายด้านหลังขวา จากนั้นกดปุ่มบนหัวชาร์จ เพียงเท่านี้ช่องชาร์จของตัวรถก็จะเปิดออกมาโดยอัตโนมัติและสามารถเสียบหัวชาร์จเข้าไปได้เลย

หลังจากที่เสียบช่องชาร์จแล้ว เพียงเวลาแค่แปปเดียว (2-3 นาที) ปริมาณของแบตเตอรี่ก็เพิ่มขึ้นเป็น 59 เปอร์เซ็นต์อย่างรวดเร็ว โดยหน้าจอกลางได้แจ้งว่าในขณะนี้กำลังไฟที่เข้าสู่ตัวรถอยู่ที่ 91 kW และจะใช้เวลาอีก 30 นาทีจนกว่าแบตเตอรี่จะเต็ม 100%

หลังจากที่เวลผ่านไปราวๆ 12 นาทีนับตั้งแต่เสียบชาร์จไฟ หน้าจอแสดงปริมาณของแบตเตอรี่อยู่ที่ 75 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถึงแม้ว่ากำลังไฟที่ชาร์จเข้าสู่ตัวรถนั้นจะน้อยกว่าที่ผู้ผลิตเคลมไว้ แต่ก็ยังถือได้ว่าเร็วอยู่ดี ซึ่งเจ้าหน้าที่ของเทสล่าได้แจ้งกับเราว่า เนื่องจากมีรถที่เข้ามาใช้สถานีชาร์จพร้อมกันเป็นจำนวนมาก (เกือบเต็มทุกหัวชาร์จ) ทำให้การปล่อยกระแสไฟจำเป็นต้องแชร์กับรถคันอื่นๆ จึงทำให้ต้องใช้ระยะเวลาในการชาร์จนานขึ้นนั่นเอง

สรุปการใช้ไฟฟ้าของ Tesla Model 3 LR ในระยะทาง 131 กิโลเมตร แบตเตอรี่หายไปเท่าไหร่ ?

จากการใช้งานของเราในวันนี้ ได้วิ่งไประยะทาง 131 กิโลเมตร ปริมาณของแบตเตอรี่ลดลงจาก 95 เปอร์เซ็นต์ เหลืออยู่ที่ 51 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับว่าในระยะทาง 131 กิโลเมตร ใช้แบตเตอรี่ไป 44 เปอร์เซ็นต์

หมายเหตุ : ในวันที่ทำการทดสอบมีสภาพอากาศร้อนจัด และมีจำนวนผู้โดยสารมากถึง 3 คน รวมถึงมีการทดสอบอัตราเร่งและใช้ความเร็วสูงอยู่มากพอสมควร ซึ่งส่งผลต่ออัตราสิ้นเปลืองในรถคันนี้

จุดเด่นและข้อสังเกตุของ Tesla Model 3 Long Range 

จากการที่ได้ทดลองขับและนั่งโดยสาร Tesla Model 3 รุ่น Long Range ในระยะทางราวๆ 130 กิโลเมตร เรามีจุดที่ชอบและจุดสังเกตในรถคันนี้อยู่มากพอสมควรดังนี้ครับ

จุดเด่น

  • ตัวรถมีอัตราเร่งที่ดีเยี่ยม เกินพอสำหรับการใช้ในชีวิตประจำวันอย่างแน่นอน 
  • ช่วงล่างเฟิร์ม แน่น หนึบ ให้ความมั่นใจในความเร็วสูงทั้งในทางตรงและในขณะเข้าโค้ง
  • พวงมาลัยสามารถปรับเซ็ทน้ำหนักได้ถึง 3 โหมด ซึ่งผู้ขับขี่สามารถเลือกความหนัก-เบา ของพวงมาลัยให้ตรงกับความต้องการได้
  • ระบบแผนที่และระบบนำทาง สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดายและแม่นยำ และมองได้ง่ายจากหน้าจอกลางขนาดใหญ่ และยังสามารถใช้ค้นหาสถานีชาร์จ Supercharger ที่ใกล้เคียงหรือในเส้นทางที่เราจะเดินทางได้อย่างง่ายดาย รวมถึงยังสามารถบอกจำนวนหัวชาร์จที่ยังว่างในสถานีชาร์จไฟนั้นๆได้อีกด้วย
  • ระบบ Autopilot ใช้งานได้จริง แม้ในสภาพถนนและสภาพการจราจรที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก
  • สถานีชาร์จ Supercharger ใช้งานสะดวกและชาร์จไฟได้เร็ว ถึงแม้จะต้องแชร์กำลังไฟให้กับรถ Tesla คันอื่นๆที่จอดชาร์จในสถานีเดียวกัน (หากไม่มีรถคันอื่นมาชาร์จในเวลาเดียวกันจะสามารถชาร์จไฟได้เร็วกว่านี้มาก)

 

ข้อสังเกต !!

  • ช่วงล่างมีความตึงตังและแอบกระด้างอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ให้ความมั่นใจในความเร็วสูง ดังนั้นหากคุณเป็นคนที่ชอบรถช่วงล่างนุ่มๆ แนะนำให้ไปทดลองขับก่อนตัดสินใจซื้อ
  • ในวันที่แดดแรงและร้อน จำเป็นต้องเร่งพัดลมแอร์จนเกือบสุด จึงจะพอสู้กับแสงแดดและอากาศภายนอกได้ โดยเฉพาะผู้โดยสารตอนหลัง (ถึงแม้ว่าจะมีแอร์หลังมาให้ก็ตาม) ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะมาจากหลังคากระจกขนาดใหญ่ของรถคันนี้ 
  • ระยะทางที่วิ่งได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ตรงตามที่เคลมเอาไว้ที่ 681 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC (ซึ่งขึ้นชื่อว่าไม่เที่ยงตรงอยู่แล้ว) แต่เราคิดว่าหากใช้งานในสภาพการจราจรในเมือง-ชานเมือง และไม่ได้กดคันเร่งหนักๆบ่อยครั้ง รถคันนี้น่าจะมีระยะทางวิ่งจริงได้มากกว่า 450 กิโลเมตรอย่างแน่นอน (ในการทดสอบ มีหลายๆช่วงที่ทดสอบอัตราเร่งและใช้ความเร็วสูงซึ่งส่งผลต่ออัตราสิ้นเปลืองไฟฟ้า)
  • พื้นที่วางขาแบาะแถวสอง รู้สึกแคบไปสักหน่อย และขึ้นลงไม่ค่อยสะดวกเท่าที่ควร

 

ขอขอบคุณ เทสล่า ประเทศไทย ในการให้ยืมรถ Tesla Model 3 Long Range เพื่อใช้ทดสอบในครั้งนี้

รับชมข่าวสารยานยนต์อื่นๆที่น่าสนใจ คลิกที่นี่

รับชมคลิปวีดีโอทดสอบรถของเรา คลิกที่นี

บทความที่น่าสนใจ

ลองขับ ฮอนด้า เอชอาร์-วี ใหม่ (2018) ปลอดภัยเพิ่ม สบายเหมือนเดิม

idiot

ฅ.คนรักรถ รีวิว : Mio Mivue 792 กล้องบันทึกหน้ารถ ที่ฟังก์ชั่นครบได้อีก

idiot

ทริปเกาะช้างกับ Mercedes Benz GLC 220d AMG Dynamic ขับสบายๆ ไม่ว่าโค้งไหนก็เอาอยู่

Peng

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy