วงการยานยนต์ถือกำเนิด 4 จตุรเทพแห่งรถขับเคลื่อนไฟฟ้า มันคืออนาคตใหม่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งเป็นไฮเปอร์คาร์ที่ใช้กำลังไฟฟ้าล้วน ๆ โดยมีกำลังที่แทบจะเอื้อมแตะ 2,000 แรงม้า การมาของพวกเขาทั้ง 4 จะเป็นตัวจุดชนวนให้เราได้พบกับรถไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้าอีกมามายในอนาคตที่จะเชือดเฉือนกันเพื่อสถิติที่แรงกว่า แต่วันนี้เราอยากจะแนะนำให้รู้จักกับไฮเปอร์คาร์ทั้ง 4 คันก่อน ซึ่งบรรดาทวยเทพทั้งหมดนี้แหละจะเป็นประตูพาเราไปสู่อนาคต
Lotus Evija
เปิดตัวครั้งแรกในอเมริกาเหนือช่วยดึงดูดตัวเลขการสั่งซื้อมากมาย ระดับ 2 หลัก ขึ้นไปซึ่งการจัดสรรการผลิตส่วนใหญ่ได้รับการจัดสรรให้กับลูกค้าในสหรัฐอเมริกา นี่คือจุดเริ่มต้นที่แข็งแกร่งสำหรับรถยนต์ใหม่ เช่น Evija โดย Lotus จะสร้างตัวอย่าง Evija เพียง 130 ตัวอย่างที่ราคาประมาณ 2.2 ล้านเหรียญ รถแต่ละคันจะถูกขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัวซึ่งให้กำลังทั้งหมด 2,000 แรงม้าและแรงบิด 1,253 ปอนด์ต่อฟุต Evija จะเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่เร็วที่สุดคันหนึ่งในโลกและนักสะสมจะโชคดีมากที่มีรถคันนี้ในโรงรถของพวกเขา
Rimac C_Two
Rimac C_Two เป็นรถโปรดักชั่นคันที่ 2 ของค่าย ต่อจาก Concept One ฝีมือของค่ายรถสัญชาติโครเอเชีย เปิดตัวครั้งแรกในรูปแบบแนวคิดที่เจนีวามอเตอร์โชว์ ปี 2018 รถมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัวด้วยกำลังรวม 1,914 แรงม้า และแรงบิด 2,300 นิวตันเมตร (1,696 ปอนด์ฟุต) วิ่งที่ความเร็ว 60 ไมล์ต่อชั่วโมง (96 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ในเวลา 1.85 วินาทีโดยมีความเร็ว 0-186 ไมล์ต่อชั่วโมง (0-300 กม. / ชม.) ใช้เวลาเพียง 11.8 วินาที
Pininfarina Battista
เปิดตัวครั้งแรกที่ Geneva Motor Show เมื่อปี 2019 Pininfarina Battista มันโดดเด่นกว่าไฮเปอร์คาร์ด้วยกัน เพราะมันมาพร้อมการออกแบบสไตล์อิตาลี ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ไปจนถึงประสิทธิภาพที่สร้างความประทับใจให้กับแฟน ๆ มาพร้อมกับกำลัง 1,900 แรงม้า และ แรงบิด 1,696 ปอนด์-ฟุต พ่วงด้วยแบตเตอรี่ 120 kWh และมอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัว สามารถเข้าถึง 0-62 ไมล์ต่อชั่วโมง น้อยกว่าสองวินาที นอกจากนี้ยังสามารถเข้าถึง 0-186 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาน้อยกว่า 12 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ 217 ไมล์ต่อชั่วโมง
Estrema Fulminea
Estrema Fulminea ใหม่จะนำเสนอกำลังที่โดดเด่นถึง 2,040 แรงม้า ที่เป็นผลผลิตจากมอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัว แต่สิ่งที่ทำให้มันแตกต่างจากไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้าอื่น ๆ คือเทคโนโลยีแบตเตอรี่ Automobili Estrema กล่าวว่าพวกเขาแมทช์ Fulminea เข้ากับชุดแบตเตอรี่ “ไฮบริด” ที่ประกอบด้วยตัวเก็บประจุพิเศษและเซลล์โซลิดสเตต ความจุแบตเตอรี่รวมตั้งไว้ที่ 100 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ในขณะที่น้ำหนักรวมของ Fulminea คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,500 กก. (3,306 ปอนด์) ทั้งนี้เมื่อใช้ DC fast charger จะสามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 10-80% ในเวลาน้อยกว่า 15 นาที เข้าถึงอัตราเร่ง 0 ถึง 200 ไมล์ต่อชั่วโมง (320 กม. / ชม.) ในเวลาน้อยกว่า 10 วินาที นอกจากนี้ระยะการขับขี่โดยประมาณจากชุดแบตเตอรี่ 100kWh จะอยู่ที่ราว ๆ 323 ไมล์ (520 กม.) ในมาตรฐาน WLTP