2024 Mercedes-Benz E-Class (W214) ได้รับการเปิดตัวแล้วอย่างเป็นทางการ นำเสนอการผสมผสานดีไซน์ภายนอกที่ล้ำสมัย เข้ากับการตกแต่งภายในที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรถตระกูล EQ ซึ่งเต็มไปด้วยหน้าจอและกล้อง พร้อมขุมพลังเบนซิน ดีเซล และปลั๊กอินไฮบริด
รูปลักษณ์ภายนอกของ E-Class ใหม่นั้นยืมมาจากพี่ใหญ่ S-Class ค่อนข้างมาก ไม่เพียงแค่รูปลักษณ์โดยรวมเท่านั้น แต่ยังมีรายละเอียดต่างๆ เช่น มือจับประตูแบบฝังเรียบกับตัวถัง เส้นสายโครเมียมแนวนอนที่แข็งแกร่งพาดผ่านฝากระโปรงหลังระหว่างไฟท้าย LED ที่มีองค์ประกอบรูปดาวสามแฉก
เส้นสายโครเมียมยังถูกนำมาตกแต่งร้อมรอบกระจังหน้าสีดำเปียโนใหม่ ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกกระจังหน้าได้ทั้งแบบ ‘Progressive’ ที่มีดาวดวงเล็ก ๆ หลายสิบดวง หรือ ‘Classic’ ซึ่งเป็นแบบแนวนอน ขนาบข้างด้วยไฟหน้า LED เป็นมาตรฐาน และขนาดล้อมีตั้งแต่ขนาด 18 ถึง 21 นิ้ว
ระยะฐานล้อของ E-Class ใหม่ ถูกยืดออก 22 มม. เป็น 2,961 มม. ทำให้มีพื้นที่ว่างมากขึ้นในรถ ซึ่งตอนนี้วัดระยะจากหน้าถึงหลังได้ความยาว 4,949 มม. พื้นที่ช่วงเข่าและพื้นที่วางขาเพิ่มขึ้น 10 และ 17 มม. ตามลำดับ
ภายในห้องโดยสารโดดเด่นด้วยหน้าจอ MBUX Superscreen ขนาดใหญ่ซึ่งประกอบด้วย หน้าจออินโฟเทนเมนท์ จอแสดงผลสำหรับผู้โดยสารด้านหน้า และหน้าปัดดิจิทัลที่แสดงผลได้ทั้งแบบคลาสสิกและแบบสปอร์ต พร้อมด้วยแอปพลิเคชันมากมายติดตั้งมาให้ทั้ง TikTok, Zoom, Webex, และเกม Angry Birds ซึ่งบางแอปพลิเคชันสามารถใช้ร่วมกับกล้องเซลฟี่ใหม่ที่ติดตั้งด้านบนของแดชบอร์ดได้ อย่างไรก็ตามเจ้าของรถจะสามารถใช้กล้องเพื่อถ่ายภาพและวิดีโอได้ต่อเมื่อรถจอดอยู่เท่านั้น
นอกจากแอพที่กล่าวมาแล้ว เจ้าของยังจะได้พบกับเว็บเบราว์เซอร์ Vivaldi รวมถึง ZYNC entertainment สำหรับรับชมความบันเทิงผ่านสตรีมมิ่ง และเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ขับขี่เสียสมาธิจากหน้าจอผู้โดยสารด้านหน้า E-Class ใหม่ มีสิ่งที่เรียกว่า “visual shield” ซึ่งเป็นระบบจะตรวจสอบการเคลื่อนไหวของดวงตาของคนขับและพิจารณาว่าพวกเขาจ้องหน้าจอผู้โดยสารนานเกินไปหรือไม่ หากสิ่งนี้เกิดขึ้น “ความสว่างของหน้าจอผู้โดยสารจะลดลง และผู้โดยสารยังสามารถดูเนื้อหาต่อไปได้ โดยที่คนขับจะมองไม่เห็น” อย่างไรก็ตาระบบนี้สามารถเปิด-ปิดได้ตามต้องการ
ภายในห้องโดยสาร E-Class ใหม่ ยังนำเสนอระบบไฟ active ambient lighting และระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester 4D ลำโพง 17 ตัว ซึ่งจะช่วยให้เจ้าของสามารถ “สัมผัสประสบการณ์ดนตรีด้วยประสาทสัมผัส” ผ่านแถบไฟที่สามารถเปลี่ยนสีไปตามเสียงจากเพลง ภาพยนตร์ และแอปต่างๆ
ทุกเครื่องยนต์ของ E-Class ใหม่ มีระบบช่วยเหลือแบบไฮบริด และครึ่งหนึ่งของเครื่องยนต์เป็นแบบปลั๊กอินไฮบริด โดยรุ่นล่างสุดอย่าง E200 ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ให้กำลัง 204 แรงม้า (PS) พ่วงมอเตอร์ไฟฟ้าที่ช่วยเพิ่มกำลังขึ้นอีก 23 แรงม้า และขับเคลื่อนล้อหลัง ในรุ่น E200d ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ให้กำลัง 197 แรงม้า (PS) พ่วงมอเตอร์
ไฟฟ้าที่ช่วยเพิ่มกำลังขึ้นอีก 23 แรงม้า และมีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหลังหรือขับเคลื่อน 4 ล้อ 4Matic
ในรุ่นปลั๊กอินไฮบริด E300e ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า (PS) ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 95 กิโลวัตต์ (129 แรงม้า) ผลิตกำลังรวมกันทั้งระบบ 313 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด และขับเคลื่อนล้อหลัง รุ่น E 400e ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลัง 252 แรงม้า (PS) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 129 แรงม้า (PS) ผลติกำลังรวมกันทั้งระบบ 381 แรงม้า (PS) จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด และขับเคลื่อนล้อหลัง
2024 Mercedes-Benz E-Class (W214) ยังไม่มีการประกาศราคา รวมถึงวันวางจำหน่ายในตอนนี้ หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะนำเสนอให้ทราบอีกครั้ง
CR : Carscoops