ตลาดรถยนต์ตลอดช่วงครึ่งปีหลัง 2020 หลังจากสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศกำลังไปในทิศทางที่ดีขึ้น ประกอบกับการที่รัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อช่วยเหลือประชาชนทั่วไป และผู้ประกอบการ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค และยังส่งผลในเชิงบวกให้กับตลาดรถยนต์อีกด้วย
โดยบรรดาค่ายรถยนต์ต่างๆ ก็สู้ไม่ถอย! จ้า ยังคงพยายามอย่างเต็มที่ในช่วงปลายปี ที่จะดึงดูดความสนใจและการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค ด้วยการทยอยเปิดตัวรถรุ่นใหม่ รุ่นปรับโฉม หรือรุ่นพิเศษ ที่จะเข้าสู่ตลาดเมืองไทย ไม่ว่าจะค่ายรถยนต์ชั้นนำทั้งจากเอเชีย ยุโรป อเมริกา พร้อมใจกันเดินหน้าเปิดตัวอย่างคลับคลั่ง เพื่อตอบสนองสาวกที่ชอบยานยนต์แห่งความทันสมัย
วันนี้ Carvariety ได้รวบรวมรถยนต์ใหม่ที่เปิดตัวในครึ่งปีหลัง 2020 ของแต่ละค่ายมาให้ชมกัน จะมีค่ายไหนรุ่นไหนบ้างไปดูกันเลยค่ะ เริ่มจาก (สามารถดูรายละเอียดข้อมูลตัวรถแต่ละรุ่นได้ โดยคลิกที่ชื่อรุ่น หรือรูปภาพ)
Suzuki XL7 คือรถครอสโอเวอร์ขนาด 7 ที่นั่ง ซึ่งมาพร้อมดีไซน์สปอร์ตเข้ม ดุดัน ตอบโจทย์และสะท้อนภาพลักษณ์ของผู้ใช้งานได้อย่างลงตัว พร้อมชูแนวคิด THINK XL คิดได้เกินคาด ไปได้เกินใคร มิติรถมีความยาว 4,450 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,775 มิลลิเมตร และความสูง 1,710 มิลลิเมตร รวมถึงการออกแบบความสูงของรถให้มีระยะห่างจากพื้นถึงตัวรถมีความสูงถึง 200 มิลลิเมตร ด้านขุมพลังมาพร้อมเครื่องยนต์ K15B ขนาด 1.5 ลิตร มอบกำลังสูงสุดถึง 105 แรงม้า/6,000 รอบต่อนาที แรงบิดที่ 138 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบต่อนาที พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดที่มีการปรับตั้งประสิทธิภาพเครื่องยนต์และอัตราทดเกียร์ให้เหมาะกับการขับขี่อย่างลงตัว มีราคาจำหน่ายที่ 779,000 บาท
Defender รุ่นใหม่ ถูกพัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์มใหม่ D7x ที่สร้างขึ้นสำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะ มาพร้อมขุมพลังมีให้เลือกหลากหลายแบบทั้ง เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 200 แรงม้า หรือแบบ 240 แรงม้า เครื่องยนต์ 4 สูบ เทคโนโลยีเทอร์โบคู่แบบต่อเนื่องที่ส่งแรงบิด 430 นิวตัน-เมตร ที่ 1,400 รอบ/นาที เพิ่มประสิทธิภาพและประหยัดเชื้อเพลิง อีกทั้งตัวเลือกเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 300 แรงม้า และเบนซิน 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 400 แรงม้า โดยเครื่องยนต์ทุกแบบขับเคลื่อนด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติแปดสปีด ZF ที่ลื่นไหลและตอบสนองว่องไว ระบบเกียร์แบบ twin-speed เพื่อส่งกำลังในอัตราความเร็วต่ำขณะลากจูงหรือขับขี่บนเส้นทางขรุขระซึ่งต้องใช้การควบคุมมากกว่าปกติ มีราคาจำหน่ายที่ 5,400,000 บาท
Toyota Corolla CROSS มาพร้อมสโลแกน “A New Journey…ให้ชีวิตเดินทาง” โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์สุดโฉบเฉี่ยว และแข็งแกร่ง ภายในกว้างขวาง สะดวกสบาย พร้อมเทคโนโลยีและฟังก์ชั่นตอบโจทย์การใช้ชีวิต ด้านขุมพลังขับเคลื่อนมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.8 ลิตร เป็นเครื่องยนต์ 2ZR-FBE 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT-i แบบ 7 สปีด พร้อม Sequential Shift ทั้งนี้ยังรองรับน้ำมัน E85 และเครื่องยนต์ไฮบริดรุ่นล่าสุดเจเนเรชันที่ 4 ขนาด 1.8 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 98 แรงม้า และแรงบิดสูสุด 142 นิวตันเมตร ทำงานร่วมมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลัง 72 แรงม้า และแรงบิด 163 นิวตันเมตร ผลิตกำลังรวมกันได้ 122 แรงม้า จับคู่เกียร์อัตโนมัติ E-CVT รองรับการเติมน้ำมัน E20 ให้อัตราประหยัดน้ำมันสูงถึง 23.3 กม./ลิตร มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 959,000 บาท
ISUZU MU-X เปิดตัวภายใต้นิยาม “เหนือทุกความเชื่อ…เหนือทุกความสำเร็จ (ORIGINALITY REDEFINED)” สะท้อนภาพลักษณ์ที่โดดเด่นไม่ซ้ำใคร มีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่ Ultimate, Elegant, Luxury และ Active โดย All-New ISUZU MU-X มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ 3.0 Ddi Blue Power กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร และเครื่องยนต์ 1.9 Ddi Blue Power Gen 2 กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมโหมด Rev Tronic และ Sequential Paddle Shift หรือเกียร์ธรรมดา 6 สปีด พร้อมระบบ Genius Sport Shift มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 1,109,000 บาท
All-New Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic
Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic คอมแพ็คเอสยูวีเจเนอเรชั่นที่ 2 รุ่นประกอบในประเทศ มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 1.3 ลิตร พ่วงเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 1,620-4,000 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม.ต่อชม. ภายใน 8.7 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุด 210 กม.ต่อชม. และมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 5.7-6.0 ลิตรต่อ 100 กม. มีราคาจำหน่ายที่ 2,399,000 บาท
All-New Kia Carnival ยนตรกรรมอเนกประสงค์พรีเมียม-เอ็มพีวีเจเนอเรชั่นใหม่ เปิดตัว ภายใต้แนวคิด “For More Happiness ความสุขที่มากกว่า” มาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่ สมาร์ทสตรีม ดีเซล เทอร์โบ ขนาด 2.2 ลิตร มาตรฐานยูโร 5 ให้กำลังสูงสุด 202 แรงม้า ที่ 3,800 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 441 นิวตันมเตร ที่ 1,750 – 2,750 รอบต่อนาที รวมถึงมีโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย ได้แก่ Normal Mode / ECO Mode / Sport Mode และ Smart Mode โดย Kia Carnival มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น EX (อี เอ็กซ์) และรุ่น SXL (เอส เอ๊กซ์ แอล) มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 2,144,000 บาท
G 350 d Sport คือที่สุดแห่
MG HS PHEV ใหม่ ชูแนวคิด “REFINEMENT” ขับเคลื่อนด้วยระบบ Plug-in Hybrid ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์เทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง ให้กำลังสูงสุด 284 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ EDU II – 10 สปีด พร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาดใหญ่ 16.6 kWh สามารถเลือกขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ได้ไกลสูงสุดถึง 67 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง
สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 ภายในเวลา 7.5 วินาที และมีโหมดการขับขี่ให้เลือกถึง 5 รูปแบบ ได้แก่ โหมด Normal โหมด Eco โหมด EV และโหมด Sport เสริมด้วยปุ่ม Super Sport ที่สามารถเพิ่มประสบการณ์การขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น มีราคาจำหน่ายที่ 1,359,000 บาท
New Mitsubishi Outlander PHEV ทรงพลังด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ และเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.4 ลิตรให้กำลังสูงสุดที่ 305 แรงม้า พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซูเปอร์-ออลวิลล์คอนโทรล (S-AWC) ที่ดีที่สุดจาก ‘มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีโวลูชัน’ มีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเพียง 52.6 กม.ต่อลิตร หรือ 1.9 ลิตรต่อ 100 กม. ตามมาตรฐาน NEDC มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับต่ำที่ 43 กรัมต่อกม. พร้อมอัตราเร่งและแรงบิดที่ดีเยี่ยม พร้อมกันนี้ Mitsubishi Outlander PHEV ยังสามารถผลิตและจ่ายพลังงานไฟฟ้าจากตัวรถมาใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ที่มีขนาดไม่เกิน 1,500 วัตต์ ด้วยการเสียบปลั๊กเข้ากับช่องจ่ายกระแสไฟฟ้าภายในตัวรถ มีให้เลือก 2 รุ่น เริ่มต้นที่รุ่น จีที มีราคาจำหน่ายที่ 1,640,000 บาท และรุ่น จีที พรีเมียม มีราคาจำหน่ายที่ 1,749,000 บาท
Nissan Navara ใหม่ บุกตลาดเมืองไทยเป็นประเทศแรกในโลก ได้รับการออกแบบด้วยแนวคิด “Unbreakable” มาพร้อมเครื่องยนต์ 3 แบบได้แก่
- เครื่องยนต์ YS23DDTT ขนาด 2.3 ลิตร 4 สูบ ทวินเทอร์โบ เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด พร้อมโหมดแมนนวล ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า และแรงบิด 450 นิวตัน-เมตร
- เครื่องยนต์ YS23DDT ขนาด 2.3 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบแปรผันแบบ VGS เกียร์ธรรมดา 6 สปีด ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า และแรงบิด 403 นิวตัน-เมตร
- เครื่องยนต์ YD25DDTTi ขนาด 2.5 ลิตร เทอร์โบแปรผันแบบ VGS ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า และแรงบิด 403 นิวตัน-เมตร
มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 599,000 บาท
New Mercedes-Benz A-Class รุ่นประกอบในประเทศ ถูกดีไซน์สอดคล้องกับปรัชญาการออกแบบ Sensual Purity ที่เน้นความเรียบง่ายและให้ความสำคัญกับผิวสัมผัส โครงสร้างภายนอกโดดเด่นด้วยการตัดทอนเส้นสายและช่องว่างให้มีน้อยที่สุด มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 1.3 ลิตร พ่วงเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 1,620-4,000 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม.ต่อชม. ภายใน 8.1 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุด 230 กม.ต่อชม. และมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 5.2-5.4 ลิตรต่อ 100 กม. มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 1,990,000 บาท
Honda City e:HEV ยนตรกรรมรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล เดอะ ซิตี้ ซีรีส์ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังแบบ Full Hybrid ระบบ Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) ที่ผสานการทำงานอันทรงพลังร่
Honda City ในรูปแบบ 5 ประตู กับ The Honda City Hatchback ภายใต้ ซิตี้ ซีรีส์ ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจาก ฮอนด้า ซิตี้ เจเนอเรชันที่ 5 ที่สุดแห่งยนตรกรรมซิตี้คาร์ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเทอร์โบ เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO 3 สูบ 12 วาล์ว มาพร้อม Turbo Charger ที่อัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้
New MG EP รถสไตล์สเตชั่นแวกอนที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกในประเทศไทย ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด “EVeryone ตอบโจทย์ทุกฟังก์ชัน ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า พร้อมแรงบิด 260 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับเกียร์ไฟฟ้า สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ภายใน 8.8 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
มอเตอร์ไฟฟ้าใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ Lithium-Ion ที่มีความจุ 50.3 kWh ทำให้สามารถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าได้ระยะทางไกลถึง 380 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง อีกทั้งยังโหมดการขับขี่ให้เลือกทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ Normal, Eco และ Sport มีราคาจำหน่ายที่ 988,000 บาท
New BMW 4 Series พร้อมกลับมาสร้างนิยามใหม่ให้
Audi e-tron Sportback 55 quattro S line
Audi e-tron Sportback 55 quattro S line รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นใหม่ สุดหรูรุ่นที่ 2 ของแบรนด์ ชูจุดเด่นด้านเทคโนโลยี ดีไซน์ลุคสปอร์ตพรีเมียม และสมรรถนะอันยอดเยี่ยม มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะแบบไฟฟ้า (electric quattro) มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตำแหน่ง ให้พละกำลังสูงสุดถึง 300 กิโลวัตต์ หรือ 408 แรงม้า ระยะทางวิ่งสูงสุด 463 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC) มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 5,299,000 บาท
The New All-Electric Lexus UX 300e
All-Electric Lexus UX 300e ยนตรกรรมรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของ Lexus มาพร้อมระบบการขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าที่สมบูรณ์แบบ ให้พละกำลังสูงสุดถึง 150 กิโลวัตต์ หรือ 201 แรงม้า โดยระยะทางวิ่งได้สูงสุด 360 กม.ต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง ระยะทางวิ่งไกลสูงสุด 360 กม.ต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC) Quick DC Charger 0-80% ภายใน 50 นาที สำหรับการชาร์จแบบกระแสตรงผ่านการชาร์จด้วยเครื่องชาร์จ 50 กิโลวัตต์ ด้วยกำลังไฟ 125 แอมป์ โดยแบตเตอรี่มีขนาด 54 กิโลวัตต์-ชั่วโมง มีราคาจำหน่ายที่ 3,490,000 บาท
Lexus IS รถยนต์สปอร์ตซีดานหรูรุ่นใหม่ ติดตั้งเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร L-4 16 วาล์ว Dual VVT-i ความจุกระบอกกระบอกสูบ 2,494 ซีซี. ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 221 นิวตันเมตร ที่ 4,200 – 5,400 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor กำลังสูงสุด 143 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า จะได้พละกำลังรวม 223 แรงม้า มาพร้อมแบตเตอรี่ Ni-MH สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 8.5 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 2,690,000 บาท
Lexus LS ยนตรกรรมหรูระดับเฟิร์สคลาส มาพร้อมเครื่องยนต์ ที่สามารถตอบสนองการขับขี่ได้อย่างราบเรียบ ทั้งยังให้ความสะดวกสบายสูงสุดในทุกสภาวะทั้งผู้นั่งและผู้ขับ เครื่องยนต์ V6 ระบบไฮบริด ความจุ 3,456 ซีซี 359 แรงม้า เสริมด้วยระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัจฉริยะ BladeScan Adaptive High-beam System (AHS) ระบบช่วยจอดพร้อมระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ (Parking Support Brake System) และ กระจกมองหลังดิจิตอลแบบลดแสงสะท้อน มีราคาจำหน่ายที่ 14,530,000-15,860,000 บาท
Ferrari F8 Spider ม้าลำพองขุมพลัง V8 รุ่นล่าสุด ยากที่จะหาใครมาเทียบชั้น ด้วยเครื่องยนต์ความจุ 3,902 ซีซี. ปลดปล่อยพลังได้ถึง 720 แรงม้า ที่ 8,000 รอบ/นาที และยังมีอัตราส่วนแรงม้าต่อความจุอันน่าประทับใจที่ 185 แรงม้า/ลิตร แรงบิดสูงสุดมีให้ใช้มากขึ้นในทุกๆ ย่านความเร็วของรอบเครื่องยนต์ และพีคสุดที่ 770 นิวตันเมตร ที่ 3,250 รอบ/นาที มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 26,350,000 บาท
Ferrari 812 GTS ซูเปอร์คาร์เปิดประทุน ขุมพลัง V12 ที่แรงที่สุดในโลก มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 800 แรงม้า ที่ 8,500 รอบ/นาที ซึ่งนับว่าทรงพลังที่สุดเมื่อเทียบกับรถในคลาสเดียวกัน แรงบิดที่มากถึง 718 นิวตันเมตร ช่วยยืนยันได้ว่ารถจะมีอัตราเร่งอันน่าทึ่งเช่นเดียวกับ 812 Superfast ทั้งยังรับประกันความสนุกในการขับขี่ด้วยรอบเครื่องยนต์ที่ทำได้สูงสุดถึง 8,900 รอบ/นาที มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 34,700,000 บาท
Rolls-Royce New Ghost รุ่นฐานล้อยาว หรือเรียกว่า ‘New Ghost Extended’ เจเนอเรชั่นใหม่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินทวินเทอร์โบ วี12 สูบ 6.75 ลิตร 571 แรงม้า แรงบิด 850 นิวตันเมตร ช่วยให้ยนตรกรรมพิกัดกว่า 2 ตัน มีอัตราเร่งทันใจในทุกสถานการณ์ แรงบิดสูงสุดมีให้ใช้ตั้งแต่ 1,600 รอบ/นาที ซึ่งสูงกว่ารอบเดินเบาประมาณ 600 รอบ/นาที เท่านั้น รวมถึงมีการปรับแต่งท่อไอดีใหม่ เพื่อลดเสียงรบกวนที่อาจเล็ดลอดสู่ห้องโดยสาร มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 35.9 ล้านบาท
Maserati Ghibli Hybrid
Ghibli Hybrid เป็นยนตรกรรมที่ใช้การขับเคลื่อนแบบผสมผสาน ระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า และเป็นรุ่นแรกในประวัติศาสตร์ของค่ายตรีศูล มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร เข้ากับอัลเทอร์เนเตอร์ 48 โวลต์ และอิเล็กทรอนิกส์ซูเปอร์ชาร์จ (e-Booster) พร้อมแบตเตอรี่รองรับ มีกำลังสูงถึง 330 แรงม้า (hp) แรงบิด 450 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 5.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 255 กม./ชม. นับเป็นเครื่องยนต์ไฮบริดที่โดดเด่น และเป็นผลงานแรกของเครื่องยนต์ยุคอนาคต ที่จัดผสมผสานสมรรถนะ, ความประหยัด และความเพลิดเพลินในการขับได้อย่างลงตัว ติดตั้งแบตเตอร์รี่บริเวณท้ายรถเพื่อความสมดุล และมีน้ำหนักโดยรวมเบากว่า กิบลี ดีเซล 80 กิโลกรัม มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 5.99 ล้านบาท
McLaren 765LT ผู้ที่
Koenigsegg เปิดบ้านใหม่ในไทย พร้อมส่งไฮเปอร์คาร์หาชมยากถึง 2 รุ่น ได้แก่ Koenigsegg Jesko Absolut (เคอนิกเส็กก์ เยสโก้ แอบซูลุท) ไฮเปอร์คาร์รุ่นที่เร็วและแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Koenigsegg และจะไม่ผลิตรถคันไหนที่เร็วกว่านี้อีกแล้วในอนาคต ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V8 เทอร์โบคู่ ซึ่งสามารถสร้างกำลังสูงสุดได้ที่ 1,600 แรงม้า (เมื่อใช้เชื้อเพลิง E85) และยังสามารถลากรอบได้ถึง 8500 รอบต่อนาที มูลค่ารวมกว่า 400 ล้านบาท
อีกหนึ่งรุ่นคือ Koenigsegg Gemera (เคอนิกเส็กก์ เกเมร่า) Mega-GT สี่ที่นั่งคันแรกของโลก มีขุมกำลังเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ เทอร์โบคู่ ขนาด 2.0 ลิตร ที่มีชื่อเรียกว่า “Tiny Friendly Giant (TFG)” มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 3 มอเตอร์ มอบพละกำลังสูงสุด 1,700 แรงม้าและแรงบิดสูงสุดที่ 3,500 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 1.9 วินาที ผลิตมาเพื่อการเดินทางอันหรูหราสะดวกสบาย โดย Gemera จะมีผู้ที่ได้ครอบครองเพียง 300 คันทั่วโลก สนนราคาอยู่ที่ 2.998 ล้านยูโร หรือประมาณ 110 ล้านบาท