ในปัจจุบัน “รถยนต์ไฮบริด (Hybrid)” กำลังเป็นที่นิยมในประเทศไทยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะรถยนต์ไฮบริด “มือสอง” ที่ถูกปล่อยขายในตลาดรถยนต์มือสองเป็นจำนวนมาก และมักจะมาพร้อมกับราคาสุดเย้ายวน ชวนให้หลายๆคนตัดสินใจซื้อรถไฮบริดมือสอง แต่ต้องอย่าลืมว่าสาเหตุที่ราคามือสองของรถยนต์ไฮบริดนั้นดูเหมือนจะต่ำกว่ารถยนต์รุ่นเดียวกันที่เป็นเครื่องยนต์สันดาป ก็เป็นเพราะว่ารถไฮบริดมีชิ้นส่วนที่มีความซับซ้อนและมีราคาที่สูงกว่าเมื่อต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนเหล่านี้นั่นเอง
ในวันนี้เราจะมาแนะนำ “ชิ้นส่วนหลักๆที่ควรตรวจเช็ก” เมื่อคุณกำลังจะซื้อ “รถยนต์ไฮบริดมือสอง” ซึ่งจะมีชิ้นส่วนไหนที่ต้องดูเป็นพิเศษบ้างไปดูกันเลย
แบตเตอรี่ Hybrid
เริ่มกันที่ แบตเตอรี่ไฮบริด ซึ่งถือเป็นชิ้นส่วนที่คนใช้รถไฮบริดมักจะเป็นกังวลอย่างมาก เนื่องจากมีราคาค่อนข้างสูงและมีแนวโน้มที่จะเสียได้ (เมื่อรถมีอายุ 8 ปีขึ้นไป หรือใช้ระยะทางเยอะ) โดยในปัจจุบันราคาแบตเตอรี่เริ่มลดลงจากเมื่อก่อนมากพอสมควร ยกตัวอย่างเช่น Toyota Camry Hybrid ที่สมัยก่อนเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่ศูนย์บริการอาจจะต้องควักเงินหลัก “แสน” แต่ในปัจจุบันค่าเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่ศูนย์บริการเท่าที่ทราบมาเหลือไม่ถึง 60,000 บาทเสียด้วยซ้ำ (ยังไม่รวมค่าแรงและค่าทำลาย) รวมถึงยังมีบริการซ่อมแบตเตอรี่ไฮบริดซึ่งจะทำให้คุณสามารถเซฟงบไปได้มากยิ่งขึ้น
ดังนั้นหากคุณกำลังจะซื้อรถยนต์ไฮบริดมือสอง โดยเฉพาะรถที่มีอายุราวๆ 10 ปี ซึ่งส่วนมากจะเกินระยะประกันแบตเตอรี่ไฮบริดจากผู้ผลิตแล้ว (ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการรับประกันของค่ายรถ) คุณควรตรวจเช็กดูว่ารถคันที่คุณจะซื้อนั้นเคยมีการ “เปลี่ยนแบตเตอรี่” มาแล้วหรือไม่ เนื่องจากบางครั้งในกรณีที่เจ้าของเก่าพบว่าแบตเตอรี่มีปัญหาในขณะที่ตัวรถยังอยู่ในประกัน อาจนำรถเข้าเคลมแบตเตอรี่ลูกใหม่ จะทำให้คนที่ซื้อรถมือสองต่อจากเจ้าของเก่าคันนี้ได้แบตเตอรี่ลูกใหม่ที่ผ่านมาเคลมมาแล้วนั่นเอง
ชุดปั๊มเบรก ABS
มาต่อกันที่ “แม่ปั๊มเบรกและชุดปั๊มเบรก ABS” อีกหนึ่งชิ้นส่วนที่สำคัญของรถไฮบริดซึ่งหลายๆคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมมันเกี่ยวข้องกับรถไฮบริด ก็ต้องบอกเลยว่ามันมีหลักการทำงานที่ซับซ้อน (และมีส่วนในเรื่องของเจนไฟกลับเข้าสู่แบตเตอรี่) รวมถึงมีราคาค่าตัวสูงกว่าชุดปั๊มเบรกที่ใช้ในรถสันดาปทั่วไปอยู่มากพอสมควร และอาจมีราคาแพงกว่าแบตเตอรี่ไฮบริดที่หลายๆคนเป็นกังวลเสียด้วยซ้ำ (ราคาปั๊มเบรก ABS ของ Camry Hybrid ที่ศูนย์บริการมีราคาราวๆ 100,000 บาท)
ดังนั้นก่อนที่จะซื้อรถไฮบริดมือสอง ควรตรวจเช็กว่าตัวปั๊มเบรก ABS ยังสามารถทำงานได้เป็นปกติ หรือตรวจสอบว่าเจ้าของเดิมเคยเคลมหรือเปลี่ยนชิ้นส่วนนี้มาแล้วหรือยัง แต่ก็ไม่ต้องเป็นกังวลมากนักเนื่องจากในปัจจุบันอู่นอกหลายๆที่สามารถ “ซ่อม” ตัวปั๊มเบรกเจ้าปัญหานี้ได้แล้ว ทำให้เจ้าของไม่ต้องเสียเงินหลักแสนเพื่อเปลี่ยนชิ้นส่วนนี้ใหม่
Inverter ตัวนี้แพงสุด แต่ทนทานหากดูแลถึง
ปิดท้ายกันที่ชุด Inverter หรือตัวแปลงกระแสไฟฟ้าก่อนที่จะส่งไปยังมอเตอร์เพื่อให้พลังงานในการหมุนล้อให้ขับเคลื่อนไปข้างหน้า โดยเจ้าอุปกรณ์ชิ้นนี้น่าจะเป็นชิ้นส่วนที่มีราคา “แพงที่สุด” ในลิสต์ของเราในวันนี้ ที่ไม่ต้องตกใจไปเนื่องจากชิ้นส่วนนี้มักจะ “ไม่ค่อยเสีย” หากคุณดูแลระบบหล่อเย็นระบบไฮบริดอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ และในปัจจุบันมีช่างนอกศูนย์บริการเก่งๆที่สามารถซ่อมชิ้นส่วนนี้ได้แล้ว ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายของเจ้าของรถได้หลายเท่าตัว
เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “รถไฮบริด” มีชิ้นส่วนที่มีความซับซ้อนและมีราคาที่มากกว่ารถยนต์สันดาปทั่วไปอยู่พอสมควร ดังนั้นการตรวจเช็กระบบและชิ้นส่วนของรถไฮบริดมือสอง จะช่วยให้คุณได้รถที่มีสภาพดีและเซฟเงินในกระเป๋าได้ไม่น้อย รวมถึงการหาอู่ที่เชี่ยวชาญรถยนต์ไฮบริดโดยเฉพาะ จะช่วยให้คุณใช้รถไฮบริดได้อย่างสบายใจหายห่วง
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Toyota Motor Thailand / KK Autoparts