fbpx

รีวิว Haval H6 PHEV (Plug in Hybrid) แรง ล้ำ โหมดไฟฟ้าใช้ได้จริง แต่ช่วงล่างยังต้องปรับ!!

เมื่อวันที่ 28 กันยายน ที่ผ่านมา ทางทีมงาน CarVariety ได้มีโอกาสสุดพิเศษจากทาง GWM เพื่อเชิญไปทดสอบสมรรถนะรถยนต์ Plug in Hybrid รุ่นใหม่ล่าสุดที่พึ่งเปิดตัวในประเทศอย่าง Haval H6 PHEV (Plug in Hybrid) ในสภาพถนนและการใช้งานจริง ว่าตัวรถจะมีการปรับปรุงและพัฒนาในจุดไหนเพิ่มขึ้นมาบ้าง รวมถึงโหมดไฟฟ้าของรถคันนี้ ที่ทุกคนต่างรอคอยว่าจะวิ่งได้เท่าไหร่กันแน่ สำหรับในการใช้งานจริงจะสามารถใช้งานได้ดีหรือไม่ และมีจุดไหนที่คิดว่ายังต้องปรับให้ดีขึ้นมากกว่านี้

ขุมพลังเบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบ พร้อมระบบ Plug in Hybrid ให้กำลังรวม 326 แรงม้า

มาเริ่มกันที่ไฮไลท์ของรถคันนี้นั่นก็คือระบบ Plug in Hybrid ใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาใน Haval H6 PHEV SUV ใหม่ โดยรถคันนี้ยังคงใช้เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าเหมือนกับ Haval H6 HEV รุ่นปกติทุกประการ แต่ทาง GWM ได้มีการปรับปรุงซอฟแวร์ใหม่ให้เหมาะสมกับแบตเตอรี่ขนาด 34 kWh (รุ่น Hybrid มีขนาดแบตเตอรี่อยู่ที่ 1.6 kWh) ส่งผลให้สามารถรีดประสิทธิภาพแรงม้าได้เพิ่มขึ้น จากเดิม 243 แรงม้า (H6 HEV) เพิ่มขึ้นเป็น 326 แรงม้า แต่แรงบิดสูงสุดยังคงเท่าเดิมที่ 530 นิวตัน-เมตร

โหมดพลังงาน 2 โหมดหลัก พร้อมโหมดการขับขี่ 4 โหมด

สำหรับโหมดการเลือกใช้พลังงานของ Haval H6 PHEV จะมีให้เลือกทั้งหมด 2 รูปแบบดังต่อไปนี้

  • โหมดพลังงานไฟฟ้า – จะใช้เพียงกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว และเมื่อเร่งแซงหรือทำความเร็ว ถึงแม้จะเหยียบคันเร่งเต็ม 100% เครื่องยนต์ก็จะไม่ติดขึ้นมาแต่อย่างใด
  • โหมดไฮบริด – จะทำงานผสมผสานระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ ซึ่งหากใช้ความเร็วต่ำถึงปานกลาง ตัวรถจะเลือกใช้พลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลัก แต่เมื่อมีการคิกดาวน์เพื่อเร่งแซง เครื่องยนต์จะติดขึ้นมาเพื่อช่วยส่งกำลัง ซึ่งการตัดต่อกำลังของทั้งสองระบบนี้ถือว่าทำได้ดี นิ่มนวล เรียบเนียน แทบจะไม่รู้สึกถึงการตัด-ต่อพลังเลย

นอกจากโหมดการเลือกใช้พลังงานแล้ว H6 PHEV ยังมาพร้อมกับโหมดขับขี่ 4 รูปแบบ ดังต่อไปนี้

  • โหมดมาตรฐาน
  • โหมดประหยัด
  • โหมดสปอร์ต
  • โหมดลุยหิมะ (ลุยฝน)

โดยแต่ละโหมดการขับขี่ จะปรับเปลี่ยนการตอบสนองของคันเร่งเป็นหลัก (ไม่ได้ปรับความแข็งอ่อนของช่วงล่างและพวงมาลัย)

 

โหมดไฟฟ้า ใช้งานได้จริง ตอบสนองได้ดีเยี่ยม

ในเส้นทางที่เราใช้ทดสอบในช่วงเช้า จะเริ่มจากโชว์รูม GWM ATT U PARK Bangna ซึ่งตั้งอยู่บริเวณถนนบางนาตราด กม.12 เดินทางไปที่ร้านอาหาร Cafe Laura Bar and Restaurant อำเภอหนองแค สระบุรี ซึ่งมีระยะทางอยู่ที่ราวๆ 130 กิโลเมตร โดยเราได้ทดลองใช้โหมดไฟฟ้าในการเดินทางแต่เพียงอย่างเดียว พบว่ามอเตอร์ไฟฟ้าให้การตอบสนองที่ดี และมีพละกำลังเพียงพอในการใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างแน่นอน โดยทาง GWM ได้เคลมว่าเจ้า H6 PHEV สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ 201 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC) ซึ่งจากการใช้งานจริงเมื่อวิ่งไป 127 กิโลเมตร ตัวรถยังคงเหลือพลังงานไฟฟ้าให้วิ่งได้อีกราวๆ 36 กิโลเมตร นั่นก็หมายถึงว่าจากการใช้งานจริง การวิ่งด้วยโหมด EV ล้วนๆ จะวิ่งได้ประมาณ 160 – 170 กม. โดยเฉลี่ย ซึ่งทางเรามองว่าเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันในขณะนี้แล้วล่ะ

โหมดไฮบริด ให้อัตราเร่งแรงสะใจ แต่แอบหน่วงไปนิด!

หลังจากทานอาหารเสร็จเรียบร้อย เราได้เดินทางไปยัง เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และเลือกใช้โหมดไฮบริด เพื่อทดสอบสมรถถนะกันต่อ ซึ่งเมื่อเปลี่ยนโหมดการขับขี่จะพบว่ารถให้การตอบสนองที่ดีมากยิ่งขึ้น โดยโหมดนี้จะได้แรงของเครื่องยนต์เข้ามาช่วยเสริมกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งให้พละกำลังรวมอยู่ที่ 326 แรงม้า ซึ่งเราได้ทดสอบกระแทกคันเร่ง 100% เพื่อดูอัตราเร่งของรถคันนี้พบว่า ตัวรถจะให้กำลังประมาณหนึ่งในช่วงแรก จากนั้นอีกราวๆ 1 วินาที ถึงจะรู้สึกถึงอัตราเร่งที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งหากทาง GWM สามารถเซทโปรแกรมของคันเร่งให้สามารถตอบสนองได้ไวมากกว่านี้ ก็จะช่วยให้รถคันนี้ขับสนุกมากยิ่งขึ้นไปอีก โดยอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงของ H6 PHEV นั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยในการทดสอบ ไม่ว่าจะเป็น ปริมาณไฟฟ้าที่ชาร์จเข้าไป ระยะทางที่วิ่งในแต่ละครั้ง รวมไปถึงอัตราความเร็วที่ใช้ ซึ่งในบทความนี้ขอไม่กล่าวถึงตัวเลขต่างๆ เนื่องจากเป็นการทดสอบในช่วงเวลาระยะสั้น และความเร็วเฉลี่ยค่อนข้างสูง

ช่วงล่างได้รับการปรับปรุงใหม่ แต่…ยังดีได้มากกว่านี้ !!

ช่วงล่างของ Haval H6 PHEV ได้รับการปรับจูนใหม่ให้มีสมรรถนะที่ดีมากยิ่งขึ้น เนื่องจากลูกค้าที่ซื้อ Haval H6 HEV ไปหลายๆ คนต่างเห็นพ้องเป็นเสียงเดียวกันว่า ช่วงล่างนั้นนุ่มแต่ตึงตังในความเร็วต่ำ แต่เมื่อใช้ความเร็วสูงกลับรู้สึกย้วยและไม่ค่อยมั่นใจเวลาเข้าโค้ง ซึ่งทาง GWM ได้ปรับจูนช่างล่างมาใหม่ให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น โดยเราได้ทำการทดสอบในเส้นทางสระบุรี-ปากช่อง ซึ่งเป็นเส้นทางขึ้น-ลงเขา และมีโค้งให้เล่นอยู่พอสมควร จากนั้นวนซ้ายเพื่อเดินทางไปยังเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ โดยเราสังเกตได้ว่าอาการ ตึงตัง ในความเร็วต่ำนั้นลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่เมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงรถยังคงมีอาการ โยน อย่างเห็นได้ชัด (รู้สึกดีขึ้นจาก H6 HEV เล็กน้อย) และเมื่อกดคันเร่งเต็ม 100% เพื่อรีดพลัง 326 แรงม้าออกมา ต้องบอกตามตรงว่า ช่วงล่างของรถคันนี้ยังไม่ดีพอสำหรับรถที่มีพละกำลังสูงถึง 326 แรงม้า แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ขับรถในความเร็วปกติและไม่เล่นโค้งมากนัก คุณอาจจะชอบช่วงล่างของรถคันนี้

ระบบช่วยเหลือการขับขี่ ทำงานได้ดี ไว้ใจได้ ช่วยให้การเดินทางไกลสบายมากยิ่งขึ้น

Haval H6 PHEV มาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบจัดเต็ม เช่นเดียวกับ Haval H6 HEV ซึ่งจากการทดสอบพบว่าระบบต่างๆ ของรถคันนี้ไม่ว่าจะเป็นระบบ Apaptive Cruise Control, ระบบช่วยเข้าโค้งอัจฉริย(Intelligent ACC), ระบบ Lane Assist และระบบช่วยเหลือที่ทาง GWM ให้มาอย่างจุใจ สามารถทำงานได้อย่างดีเยี่ยม ช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ขับขี่ได้มากพอสมควร ช่วยให้การเดินทางสะดวกสบายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

ภายในห้องโดยสารยังคงเหมือนกับ Haval H6 HEV กว้าง โปร่ง โล่งสบาย

ภายในห้องโดยสารของ H6 PHEV ยังคงเหมือนกับ H6 HEV ทุกประการ โดยตัวเบาะนั่งจะได้เป็นเบาะแบบทูโทนสีดำ-ขาว พร้อมกับการตกแต่งห้องโดยสารด้วยวัสดุสี Rose Gold เหมือนกับ H6 HEV รุ่น Ultra นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับหลังคากระจกแบบพาโนรามิคขนาดใหญ่ 1.2 ตารางเมตร ช่วยให้ผู้โดยสารและผู้ขับขี่รู้สึก โปร่ง โล่งสบายทุกการเดินทาง


ฝาท้ายไฟฟ้า พร้อมระบบ Hand Free สะดวกสบายทุกการใช้งาน

อีกหนึ้งไฮไลท์ของ H6 PHEV นั่นก็คือ ฝาท้ายไฟฟ้าแบบ Hand Free ที่จะมาพร้อมกับคิกเซ็นเซอร์ ช่วยให้การเปิดประตูด้านท้ายรถในขณะถือสัมภาระง่ายยิ่งขึ้น

จุดที่ชอบ และจุดที่ยังไม่ชอบ ใน Haval H6 PHEV

จุดที่ชอบ

  • ขุมพลัง Plug in Hybrid 326 แรงม้า ให้อัตราเร่งที่ดีเยี่ยม การเร่งแซงทำได้ดี
  • โหมดไฟฟ้า (EV) ใช้งานได้จริง มีพละกำลังเพียงพอต่อการใช้งาน และสามารถใช้งานจริงได้ที่ระยะทางราวๆ 160-170 กิโลเมตร
  • ห้องโดยสารดูหรูหราและกว้างขวาง และมีหลังคากระจกแบบพาโนรามิคขนาดใหญ่ 1.2 ตารางเมตร มอบความสะดวกสบาย และทัศนียภาพให้กับผู้โดยสารและผู้ขับขี่
  • ฟังก์ชั่นช่วยเหลือการขับขี่ ทำงานได้อย่างดีเยี่ยม ช่วยให้ผู้ขับขี่ได้รับประโยชน์เป็นอย่างดี
  • ระบบฝาท้ายไฟฟ้าแบบ Hand Free ช่วยให้การเปิดประตูด้านท้ายรถในขณะถือสัมภาระง่ายยิ่งขึ้น

จุดที่ไม่ชอบ

  • ช่วงล่างยังให้ความมั่นใจได้ไม่ดีเท่าที่ควร เมื่อใช้ความเร็วสูง และในความเร็วต่ำยังคงมีอาการ ตึงตัง ให้เห็นอยู่บ้าง (ดีขึ้นจากรุ่น H6 HEV อยู่ในระดับหนึ่ง)
  • พวงมาลัย ยังไม่เฉียบคมเท่าที่ควร และมีน้ำหนักเบาไปเล็กน้อยเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง (แม้จะปรับความหนืดของพวงมาลัยเป็นโหมดสปอร์ตแล้วก็ตาม)
  • ถึงแม้เครื่องยนต์จะมีกำลังสูงถึง 326 แรงม้า แต่การกระทืบคันเร่ง 100% ตัวรถจะใช้เวลาราวๆ 1-2 วินาทีก่อนที่พละกำลังมหาศาลของมันจะถูกปล่อยออกมา
  • ารควบคุมฟังก์ชั่นต่างๆ ของตัวรถ เช่น โหมดช่วยเหลือการขับขี่ ระบบแจ้งเตือนต่างๆ  ต้องทำผ่านหน้าจอกลางเท่านั้น ซึ่งไม่สะดวกเท่าที่ควร (ควรจะทำปุ่มปรับแยกเหมือนรถรุ่นอื่นๆ)
  • เมื่อใช้ความเร็วสูงเกิน 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง จะได้ยินเสียงลมเข้ามาบริเวณกระจกด้านข้างทั้งฝั่งคนขับและผู้โดยสาร

 

Haval H6 PHEV (Plug in Hybrid) เหมาะกับใคร ?

หากคุณเป็นคนที่ขับรถไม่ได้เร็วมาก (ใช้ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด) ไม่ใช่สายมุด สายซิ่ง ไม่ได้เข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ขับแบบเรื่อยๆ ชิลๆ เดินทางท่องเที่ยวต่างจังหวัดกับครอบครัว และต้องการรถขนาดใหญ่ที่มีออปชั่นความปลอดภัยแบบจัดเต็ม รวมถึงใช้รถในเมืองบ่อยครั้งและต้องการใช้โหมดไฟฟ้า (EV) เป็นหลัก H6 PHEV ตอบโจทย์คุณแน่นอนครับ


ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เป็นเพียงความคิดเห็นของทีมงานที่ได้ทดสอบรถคันนี้เท่านั้น หากท่านใดที่สนใจอยากเป็นเจ้าของ หรืออยากทดลองขับก่อน เราขอแนะนำให้ทำการนัดหมายทางศูนย์บริการของ GWM สาขาใดก็ได้ใกล้บ้านคุณ เพื่อเข้าไปทดลองขับด้วยตัวท่านเอง นั่นน่าจะเป็นคำตอบได้ดีที่สุดว่ารถ Haval H6 PHEV เหมาะกับไลฟ์สไตล์คุณหรือไม่


 

บทความที่น่าสนใจ

ครั้งแรก! ทดลองขับรถ All New CP Foton Aumark Flex รถบรรทุก 4 ล้อ ไม่ติดเวลา (ขับง่ายแต่แอบเสียว)

Admin

HAVAL H6 PHEV Ultra (Plug-in Hybrid) 2 พลังขับเคลื่อน…..เดินทางช่วงวันหยุดหายห่วงแน่นอน

Admin

“The New MU-X Press Trip…หนาวนี้เที่ยวภาคเหนือ” พาสัมผัสหมุดหมายแดนล้านนา เชียงใหม่-เชียงราย

Admin

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy