fbpx

ทดลองขับ เจ้าป่า! New Subaru Forester 2023 EyeSight 4.0 SUV สายลุย!

หลังจากที่เปิดตัวกันไปอย่างเป็นทางการแล้วนะครับกับ New Subaru Forester 2023 รถยนต์ประเภท SUV ที่ตอบโจทย์ทุกการเดินทาง ที่ถูกอัพเกรดพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนเข้าสู่ เจนเนเรชั่นที่5 ซึ่งคราวนี้เค้ามากับดวงตาอัจฉริยะ กล้องสเตอริโอคู่ EyeSight เวอร์ชั่น 4.0 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นเดียวกันกับที่อยู่ในรุ่นพี่อย่าง Outback และ WRX ซึ่งวันนี้เราจะไปดูพร้อมๆกันว่า  New Subaru Forester 2023 มีอะไรที่เพิ่มเติมจากรุ่นเดิมบ้าง

New Subaru Forester 2023 EyeSight 4.0
New Subaru Forester 2023 EyeSight 4.0

มาเริ่มกันที่ภายนอกกันก่อนนะครับ โดยรูปลักษณ์ภายนอกยังคงเค้าโครงเดิมไม่ต่างจากเดิมมากนัก ในส่วนที่มีการปรับเปลี่ยนหลักๆก็จะมี กระจังหน้าที่เป็นดีไซน์ใหม่ โคมไฟหน้า กันชนหน้า ไฟตัดหมอก และล้อแม็กลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว จากเดิม 17 นิ้ว รวมถึงราวหลังคา ในส่วนของภายนอกก็จะมีการปรับเปลี่ยนอยู่ไม่มากนักเน้นทางหน้ารถซะมากกว่า ด้านท้ายรถก็ยังเหมือนเดิม

ในส่วนของภายในก็ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนอะไรเช่นกันมีเพิ่มเติมนิดหน่อย ยังคงไว้ซึ่งสิ่งอำนวยความสะดวกไว้ให้อย่างครบคัน ไม่ว่าจะเป็นเบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง พวงมาลัยแบบมิลติฟังก์ชั่น ปรับได้ 4 ทิศทาง พร้อม Paddle Shift หน้าจออินโฟเทนเมนท์ Touchscreen ขนาด 8.0 นิ้ว รองรับ Apple carplay และ  Android auto ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกอิสระ ซ้าย-ขวา พร้อมช่องแอร์แถวสอง  เบาะนั่งด้านหลังสามารถปรับเอนได้ แยกพับอิสระ 60 : 40 แบบราบเรียบ พับด้วยระบบไฟฟ้า  และสิ่งที่ใส่เพิ่มเติมมาใหม่ก็คือ ตะขอเกี่ยวสัมภาระด้านหลังที่บนหลังคา 2 ตำแหน่งที่รองรับน้ำหนักได้ถึง 3 กิโลกรัม  และระบบเปิด-ปิดฝาท้าย ด้วยระบบไฟฟ้าที่ทำได้ไวกว่าเดิม เรียกได้ว่ารถยนต์ SUV ค่ายอื่นเค้ามีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรกันเจ้า New Subaru Forester 2023 ก็มีเหมือนกัน เว้นแต่ว่า ซันรูฟ  ที่เจ้าป่ายังไม่มี

มากันที่การทดสอบกันในวันนี้นะครับจะถูกแบ่งออกเป็น 3 stationหลัก ๆคือในส่วนของ  แฮนเดอร์ริ่ง  , เทคโนโลยี EyeSight เวอร์ชั่น 4.0 และ ออฟโรด มาเริ่มจากในส่วนของ แฮนเดอร์ริ่ง การควบคุมรถ เครื่องยนต์ และระบบช่วงล่างกันก่อน เจ้า New Subaru Forester 2023 ยังคงใช้เครื่องยนต์บล็อกเดิม Boxer Engine ลูกสูบในแนวนอน 2000cc 156 แรงม้า ที่ 6000 รอบต่อนาที 196 นิวตันเมตร ที่4000 รอบต่อนาที เกียร์ CVT 7 สปีดพร้อมโหมดแมนนวล ที่ทางโรงงานได้เครมอัตราเร่ง 0-100 ไว้ที่ 10.3 วินาที และมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 13.5 กิโลเมตร/ลิตร สำหรับการทดสอบก็ไม่ได้โหดมากนัก ทางทีมงานได้จัดสเตชั่นไว้ให้ไม่ว่าจะเป็น Slalom (สลาลม) และ Lane Change (การเปลี่ยนเปลี่ยนเลนแบบกระทันหัน) ความเร็วไม่เกิน 70 กิโลเมตร/ชั่วโมง  ส่วนตัวผมได้มีโอกาสทดลองขับ Subaru Forester รุ่นก่อนหน้านี้มาก่อน ก็ไม่ได้รู้สึกแตกต่างจากรุ่นเดิมเลย ยังคงเป็นรถยนต์ที่มีสมรรถนะการขับขี่ที่ดี ในส่วนของเครื่องยนต์อาจจะไม่ได้หวือหวามากนักกำลังการใช้งานกำลังพอดี ตอนคิกดาวน์เร่งแซงก็มีอาการรอรอบนิดหน่อยแต่ไม่มาก หรือใครที่อยากสนุกก็สามารถเปลี่ยนเกียร์จาก Paddle Shift ได้ ตรงพวงมาลัยก็มีปุ่มปรับโหมดการขับขี่มาให้คือ  S-Drive  และ I Drive  โดย S-Drive  คันเร่งจะตอบสนองได้รวดเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ส่วน I Drive คันเร่งก็จะหน่วงๆหน่อย เน้นประหยัดน้ำมัน Subaru Forester เป็นรถยนต์ที่พวงมาลัยแม่นยำน้ำหนักดี ระเบรกนุ่มหนึบด้วยดิสเบรก4ล้อน้ำหนักการกดเบรกคอนโทรลง่ายให้ความรู้สึกขับแล้วมั่นใจ ช่วงล่างมีการปรับเช็ตใหม่ให้นุ่มนวลมากขึ้น ด้านหน้าเป็นแบบ แมคเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังเป็นแบบปีกนกคู่ดับเบิ้ลวิชโบน  ทำงานร่วมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบสมมาตร Symmetrical All-Wheel Drive จึงทำได้ให้ตัวรถยึดเกาะถนนได้อย่างดี มีบางช่วงที่เราลองใช้ความเร็วตัวรถมีทีท่าที่จะเกิดอาการ Understeer ระบบ Traction control ก็เข้ามาทำงานได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งถือว่ารถยนต์ซูบารุเป็นค่ายต้นๆที่ขึ้นชื่อเรื่องระบบความปลอดภัย

สำหรับในสเตชั่นที่ 2 เรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์สำคัญของเจ้า New Subaru Forester 2023 ก็คือในส่วนของเทคโนโลยี EyeSight เวอร์ชั่น 4.0 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดที่ถูกใส่มาให้เป็นที่เรียบร้อย เดี๋ยวเราจะไปดูกันว่าเจ้าดวงตาอัจฉริยะคู่นี้ มีระบบอะไรที่ถูกใส่เข้ามาเพิ่มเติมให้บ้าง

ก่อนอื่นเลย EyeSight เวอร์ชั่น 4.0 เจ้าดวงตาอิเล็กทรอนิกส์มีประสิทธิภาพการทำงานได้ดีกว่าเวอร์ชั่นก่อนในทุกมุมมอง

  • จากเดิม EyeSight เวอร์ชั่น 3.0 มองไกลได้ 110 เมตร ปัจจุบัน EyeSight เวอร์ชั่น 4.0  มองไกลได้ 130 เมตร
  • จากเดิม EyeSight เวอร์ชั่น 3.0 มุมแนวนอนจากเดิม 35 องศา ปัจจุบัน EyeSight เวอร์ชั่น 4.0  มุมแนวนอนได้ 63 องศ
  • จากเดิม EyeSight เวอร์ชั่น 3.0 มุมแนวตั้งจากเดิม 9 องศา ปัจจุบัน EyeSight เวอร์ชั่น 4.0  มุมแนวตั้งได้ 19 องศา

ถ้าดูจากตัวเลขแล้วจะเห็นได้เลยว่าดวงตาอัจฉริยะคู่นี้ถูกพัฒนามากขึ้นกว่าเวอร์ชั่นเดิมอย่างเห็นได้ชัดในทุกมุมมองโดยกล้องสองตัวจะติดเข้ากับกระจกบังลมโดยตรง ดังนั้นเลนส์ทั้งสองจึงปลอดภัยจากการสัมผัสโดยไม่ได้ตั้งใจ โดย EyeSight 4.0 มีระบบความปลอดภัยมากถึง 9 ระบบ โดยรวม 3 ระบบใหม่ไว้ด้วยดังนี้

  • Autonomous Emergency Steering1 ระบบบังคับพวงมาลัยฉุกเฉินอัตโนมัติ ช่วยหักหลบจากรถหรือวัตถุที่อยู่ด้านหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการชน (ระบบทำงานที่ความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)  ซึ่งระบบนี้เราไม่ได้ลองเอง ทาง instructor เป็นผู้ขับเมื่อรถเคลื่อนตัวเข้าหาวัตถุตัวรถจะประเมิณความปลอดภัยจากกล้องคู่หน้าละเซนเซอร์รอบคันและเลือกทิศทางในการหักหลบให้เองแบบอัตโนมัติโดยจะประคองรถให้อยู่ในเลนถนนพร้อมจอดรถหยุดนิ่ง แต่แนะนำว่าไม่ควรไปทดสอบกันเองเพราะระบบนี้มีเงื่อนไงในการทำงานอยู่หลายส่วนอาจเกิดความผิดผลาดได้โดยการทดสอบนี้อยู่ในสถานที่ปิดและอยู่ในการควบคุมจากทีมงานมืออาชีพ
  • Adaptive Cruise Control (ACC) with Lane Centering Function ระบบไปและหยุดตามคันหน้าอัตโนมัติ พร้อมระบบควบคุมรถให้อยู่กลางเลน ช่วยรักษาทิศทางของรถ ให้อยู่ตรงกลางเลนจราจร ทั้งถนนทางตรงและทางโค้ง เป็นฟังก์ชันที่เพิ่มเติมขึ้นมา เพื่อช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า พร้อมลดหรือเพิ่มความเร็วอัตโนมัติตามรถคันหน้า ให้ความสะดวก โดยเฉพาะการขับบนถนนไฮเวย์ โดย  Adaptive Cruise Control จะเริ่มทำงานได้ตั่งแต่ความเร็ว 30กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป  Stop and Go ทำงานตั่งแต่ความเร็ว 0-200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
  • Lane Departure Warning include Lane Departure Prevention ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลนพร้อมระบบบังคับรถกลับเข้าเลนหากระบบตรวจจับว่ารถกำลังคร่อมเส้นแบ่งเลนจะดึงพวงมาลัยนำรถกลับเข้ากลางเลนโดยอัตโนมัติ (ระบบทำงานที่ความเร็วตั้งแต่ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป)

1 มีเฉพาะในรุ่น 2.0 i-S EyeSight

* Subaru EyeSight Advanced Driver Assist Technology เป็นระบบช่วยขับขี่มากด้วยฟังก์ชันช่วยเหลือผู้ขับขี่ในการตัดสินใจ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและสบายสูงสุดแก่ผู้ขับ และผู้โดยสาร และช่วยผู้ขับลดความเหนื่อยล้า กล้องสเตอริโอคู่หน้าที่จับภาพวัตถุ ถูกออกแบบโดยซูบารุ EyeSight ตรวจจับรถที่อยู่ด้านหน้า สิ่งกีดขวาง เลนจราจร และวัตถุอื่นๆรอบตัวรถ การตรวจจับวัตถุของ EyeSight จะจำกัดเพียงวัตถุที่อยู่ในระยะของกล้องเท่านั้น

 

ระบบ Pre-Collision Braking และ Adaptive Cruise Control ยังถูกพัฒนาให้ล้ำหน้าขึ้นอีกขั้น

EyeSight 4.0 มีระบบ Pre-Collision Braking ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ ช่วยปกป้องความปลอดภัยได้ในสถานการณ์การขับขี่ ตามสี่แยกจราจร จุดที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ พัฒนากล้องสเตอริโอคู่หน้าให้มีระยะตรวจจับวัตถุกว้างกว่าเดิม (จากมุมซ้ายถึงมุมขวา) ถึงเกือบสองเท่า รวมทั้งจากมุมบนถึงมุมล่าง

จากมุมซ้ายถึงมุมขวา กล้องจะตรวจจับวัตถุหรือสิ่งกีดขวางได้กว้างและไกลขึ้น อันช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนได้มาก ตรวจจับวัตถุได้ไม่เพียงเฉพาะในเลนที่อยู่เท่านั้น ยังกว้างไปครอบคลุมเลนข้างๆด้วย ตัวอย่างเช่น รถในเลนสวน  และคนข้ามถนนจากทั้งทิศทางซ้ายและทิศทางขวาของสี่แยกจราจร

Subaru Rear Vehicle Detection (SRVD)1 ระบบตรวจจับวัตถุด้านหลัง ระบบเรดาร์เซ็นเซอร์จะตรวจจับวัตถุที่อยู่ด้านหลังรถ และส่งสัญญาณเตือนผู้ขับหากจะเปลี่ยนเลนบนถนนหรือถอยหลังในที่จอดรถ

High Beam Assist (HBA)1 ไฟหน้าอัจฉริยะปรับสูง-ต่ำอัตโนมัติ เป็นฟังก์ชันใหม่ที่ให้มาเพื่อเพิ่มทัศนวิสัยที่ปลอดภัย โดยเฉพาะเวลากลางคืน หรือบนถนนที่มืด ลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุ ทำงานคู่กับกล้องสเตอริโอคู่หน้า ไฟหน้าอัจฉริยะจะปรับไฟหน้าสูง-ต่ำให้อัตโนมัติ โดยไม่ต้องรอให้ผู้ขับสั่งการ และไม่ต้องกังวลว่าไฟหน้าจะรบกวนการขับขี่ของรถคันอื่น 

ลักษณะการทำงานคือ เมื่อกล้องสเตอริโอคู่หน้าจับได้ว่าแสงบนถนนสว่างพอ เช่น มีแสงจากไฟถนน หรือเมื่อมีรถอยู่ข้างหน้าในเลนที่ตรงกัน และเลนด้านข้าง ไฟหน้าจะปรับเป็นไฟต่ำโดยอัตโนมัติ ระบบนี้มีประโยชน์มาก โดยเฉพาะการขับขี่บนถนนนอกเมืองในประเทศไทย เวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชา เพราะผู้ขับไม่ต้องกังวลเรื่องการปรับไฟหน้า และเห็นทางข้างหน้าได้ชัดขึ้น ทำให้การขับเวลากลางคืนมีความปลอดภัยมากขึ้น

และในเสตชั่นสุดท้ายของการทดสอบในวันนี้ก็จะเป็นในส่วนของออฟโรด จะได้ดูการทำงานในส่วนของ X-MODE กัน โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกใช้โหมด Snow/Dirt และ Deep Snow/Mud เพื่อให้เหมาะสมกับเส้นทางได้ และสิ่งที่พัฒนาขึ้นมาในส่วนของ X-MODE ระบบสามารถ สแตนด์บายการทำงานได้ เมื่อเราใช้ความเร็วเกิน 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบจะตัดการทำงาน และเมื่อเราลดความเร็วลงต่ำกว่า 35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง X-MODE จะกลับมาทำงานให้แบบอัตโนมัติช่วยให้ผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากถนน ยิ่งในเส้นทางออฟโรดที่ผู้ขับต้องมีสมาธิกับการขับขี่และเส้นทาง อีกทั้งเมื่อเรา เปิด X-MODE ระบบ ระบบ Hill Descent Control จะเข้ามาทำงานด้วยทันทีแบบอัตโนมัติอีกด้วย โดยการทดสอบจะแบ่งออกเป็นสองรอบ เริ่มจากรอบแรกด้วยการปิดระบบ X-MODE กันก่อน ตัวรถมีการลื่นไถลพอสมควร มีอาการล้อหมุนฟรีบ้าง แต่ยังสามารถควบคุมรถไปยังทิศทางที่ต้องการได้ ในสถานะการณ์นี้ถ้าเป็นรถประเภทขับเคลื่อนสองล้อยางเดิมรับประกันว่าติดหล่มแน่นอน แต่พอเป็น Subaru Forester สามารถผ่านอุปสรรคไปได้ด้วยดี เนื่องด้วยเป็นระบบ ขับเคลื่อนสี่ล้อแบบสมมาตร “Symmetrical All-Wheel Drive”  

ในส่วนรอบที่สอง เราได้เปิดระบบ X-MODE สิ่งที่แตกต่างคือ ระบบ traction control เข้ามาทำงานได้ไว อาการลื่นไถลของรถน้อยลง สามารถควบคุมรถได้ง่ายขึ้น ในช่วงเนินสลับการกระจายแรงถ่ายกำลังของล้อแต่ละล้อทำได้ดีมากขึ้น จึงทำให้เห็นว่าตัวรถสามารถผ่านพ้นอุปสรรคได้ดีกว่าตอนปิดอย่างเห็นได้ชัด ถือว่า X-MODE เป็นตัวช่วยการขับขี่ที่ดีในเส้นทางออฟโรดหรือทางธรรมชาติทำให้การขับขี่นั้นเกิดความมั่นใจและปลอดภัยมากขึ้น อีกทั้งยังมีกล้อง 360 องศา ที่จะเป็นดวงตารอบคันให้เราได้สอดส่องอุปสรรคในทุกๆมุมมองอีกด้วย

ส่วนตัวผมมองว่าเจ้า New Subaru Forester 2023 ภาพรวมภายนอก-ภายในอาจจะไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก เครื่องยนต์ก็ยังเป็นเครื่องยนต์บล็อกเดิม แต่สิ่งที่เพิ่มเติมหรือพัฒนามากขึ้นคือ เทคโนโลยีช่วยขับขี่ขั้นสูง EyeSight ที่อัพเป็นเวอร์ชั่น 4.0 และ X Mode มีพัฒนามากขึ้นกว่าเดิม จึงทำให้การขับขี่นั้นมีความปลอดภัยมากขึ้น New Subaru Forester เป็นรถ SUV 5 ที่นั่งเหมาะกับครอบครัว ที่สามารถใช้งานในเมืองก็ดี ลุยเที่ยวต่างจังหวัดก็ได้ ด้วยที่รถมีกราวเคลียร์แลนด์อยู่ที่  220 มม ซึ่งสูงว่ารถยนต์ PPV บางเจ้าซะอีก อีกทั้งยังขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ จึงตอบโจทย์ทุกการเดินทาง New Subaru Forester 2023 มีมาทั้งหมดสองรุ่น  Forester 2.0i-L EyeSight  ราคา 1,450,000 และ Forester 2.0i-S EyeSight ราคา 1,550,000 บาท 

พร้อมแนะนำสีภายนอกใหม่ 3 สี ได้แก่ สีเงิน บริลเลียนท์ บรอนซ์ เมทัลลิก (Brilliant Bronze Metallic) สีเขียว แคสเคด กรีน ซิลิกา (Cascade Green Silica) และ สีเทา  แมกนิไทต์ เกรย์ เมทัลลิก (Magnetite Gray Metallic) เพิ่มจากสีปัจจุบันที่มีอยู่ ได้แก่ สีขาว คริสตัล ไวท์ เพิร์ล (Crystal White Pearl) สีเงิน ไอซ์ ซิลเวอร์ เมทัลลิก (Ice Silver Metallic) สีดำ คริสตัล แบล็ก ซิลิกา (Crystal Black Silica) และสีฟ้า ฮอริซอน บลู เพิร์ล (Horizon Blue Pearl)  โดยพร้อมส่งมอบรถในเดือนมีนาคม 2566 ปีต้นไป  และสำหรับใครที่สนใจและต้องการข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์ซูบารุก็สามารถสอบถามได้ที่โชว์รูมซูบารุใกล้บ้านท่านหรือไปชมได้ที่งาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39 หรือ MOTOR EXPO 2022” จัดขึ้นที่อาคารชาลเลนเจอร์ IMPACT เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 1-12 ธ.ค. 2565

รับชมข่าวสารอื่นๆของ Subaru คลิกที่นี่

รับชมคลิปวีดีโอทดสอบรถของเรา คลิกที่นี

บทความที่น่าสนใจ

MG HS P-HEV รถยนต์ compact SUV ระบบ Plug-in Hybrid ตลาดแมสรุ่นแรกในไทย

Peng

ครั้งแรก! ทดลองขับรถ All New CP Foton Aumark Flex รถบรรทุก 4 ล้อ ไม่ติดเวลา (ขับง่ายแต่แอบเสียว)

Admin

ลองแล้ว รักเลย!! ฟอร์ด RANGER WildTrak ใหม่ 2.0 ลิตรเทอร์โบคู่ 213 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด!!

idiot

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy