เมื่อไม่นานมานี้ MG ได้เปิดตัวรถแฮชแบครุ่นน้องเล็กพิกัด B-Segment รุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง All New MG 3 Hybrid+ ซึ่งถือการเปลี่ยนโมเดลใหม่ครั้งแรกในรอบ 9 ปี นับตั้งแต่การเปิดตัว MG 3 ในปี 2015 โดยรถรุ่นนี้ได้รับเสียงวิจารณ์ที่ดีจากสื่อมวลชนชั้นนำของประเทศไทย ทั้งในแง่ของพละกำลังเครื่องยนต์ ฟิลลิ่งการขับขี่ รวมถึงออปชันและฟีเจอร์ที่ถูกใส่เข้ามามากมาย โดย All New MG 3 Hybrid+ เปิดตัวด้วยกัน 2 รุ่นย่อยคือ All New MG 3 Hybrid+ รุ่นย่อย D ราคา 579,900 บาท และ MG 3 Hybrid+ รุ่นย่อย X ราคา 619,900 บาท
อย่างที่เราทราบกันดีว่า รถยนต์ในกลุ่ม B-Segment ถือเป็นรถกลุ่มรถยนต์โดยสารที่มียอดขายสูงสุดในประเทศไทย ซึ่งมีเจ้าตลาดอย่าง Toyota Yaris ATIV ซึ่งครองยอดขายอันดับหนึ่งมาอย่างต่อเนื่อง ในบทความนี้เราขอนำ MG 3 Hybrid+ รุ่นย่อย X มาเปรียบเทียบสเปกกับ Toyota Yaris ATIV รุ่นย่อย Premium Luxury ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุดทั้ง 2 รุ่น มาดูกันรถแต่ละรุ่นจะมีข้อดีและจุดด้อยที่แตกต่างกันอย่างไรบ้าง
ขนาดมิติตัวถัง
เริ่มกันที่ขนาดมิติตัวถังของรถทั้ง 2 รุ่น ซึ่งจะมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
|
MG 3 Hybrid+ X |
Toyota Yaris ATIV Premium Luxury |
ความกว้าง |
1,797 มิลลิเมตร |
1,740 มิลลิเมตร |
ความยาว |
4,113 มิลลิเมตร |
4,425 มิลลิเมตร |
ความสูง |
1,502 มิลลิเมตร |
1,480 มิลลิเมตร |
ระยะฐานล้อ |
2,570 มิลลิเมตร |
2,620 มิลลิเมตร |
ความสูงใต้ท้องรถ (Ground Clearance) |
117 มิลลิเมตร |
160 มิลลิเมตร |
น้ำหนัก |
ไม่มีข้อมูลอย่างเป็นทางการ |
ไม่มีข้อมูลอย่างเป็นทางการ |
หากเปรียบเทียบในด้านมิติของตัวรถจะพบว่า MG 3 Hybrid+ X มีความกว้างที่มากกว่า 57 มิลลิเมตร, สูงกว่า 22 มิลลิเมตร, ระยะฐานล้อสั้นกว่า 50 มิลลิเมตร แต่สิ่งที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดก็คือ MG 3 Hybrid+ X จะสั้นกว่า Yaris ATIV มากถึง 312 มิลลิเมตร (เนื่องจากเป็นตัวถังแบบ Hatchback) และมีความสูงใต้ท้องรถ (Ground Clearance) ที่ต่ำกว่าถึง 43 มิลลิเมตร (เนื่องจากแบตเตอรี่ไฮบริด ที่ติดตั้งอยู่บริเวณด้านใต้ท้องรถ)
เครื่องยนต์ – ระบบไฮบริด
สำหรับเครื่องยนต์ของรถทั้ง 2 รุ่นนี้ จะมีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก เนื่องจากทางฝั่ง Yaris ATIV จะเป็นเครื่องยนต์สันดาปแบบเพียว ๆ ในขณะที่ MG 3 Hybrid+ จะได้เครื่องยนต์เบนซินไฮบริด
MG 3 Hybrid+ – เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาดความจุ 1.5 ลิตร ทำงานควบคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous ให้กำลังแรงม้ารวมสูงสุดที่ 194 แรงม้า (PS) แรงบิดรวมสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร จับคู่กับแบตเตอรี่ Lithium-ion (NMC) ความจุ 1.83 kWh จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ E-AT 3 จังหวะ
Toyota Yaris ATIV – เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง ขนาดความจุ 1.2 ลิตร ให้กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 94 แรงม้า (PS) ที่รอบเครื่องยนต์ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 110 นิวตัน-เมตร ที่รอบเครื่องยนต์ 4,400 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบแปรผัน Super CVT-I พร้อมระบบ Sequence Shift
จากสเปกด้านบนจะเห็นได้ว่า MG 3 Hybrid+ มีพละกำลังแรงม้าที่มากกว่า Yaris ATIV ถึง 100 แรงม้า และมีแรงบิดที่มากกว่าถึง 140 นิวตันเมตร (มากกว่า 1 เท่าตัว) ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ MG 3 มีพละกำลังที่มากกว่าก็คือ ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าที่ถูกติดตั้งอยู่ในรถนั่นเอง
ออปชันความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่
มาต่อกันที่ออปชันและฟีเจอร์ความปลอดภัยของรถทั้ง 2 รุ่น ซึ่งจะออปชันดังต่อไปนี้
ออปชันความปลอดภัยของ All New MG 3 Hybrid+
- ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (คู่หน้า, ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย)
- กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 360 องศา
- ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง (TPMS)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ (TJA)
- ระบบเปิด – ปิดไฟสูงอัตโนมัติ (IHC)
- ระบบช่วยเตือนการชน (FCW) และระบบช่วยเบรก (AEB)
- ระบบช่วยควบคุมรถยนต์ให้อยู่ในเลน (LKA / LDP / LDW)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน และช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน (ELK)
- ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ (UDW)
ออปชันความปลอดภัยของ Toyota Yaris ATIV
- ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (คู่หน้า, ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย)
- กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 360 องศา
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC)
- ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาบริเวณกระจกมองข้าง (BSM)
- ระบบช่วยเตือนการชนขณะถอยหลัง (RCTA)
- ระบบไฟสูงอัตโนมัติ (AHB)
- ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (PCS)
- ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมดึงพวงมาลัยกลับอัตโนมัติ (LDA with Steering Assist)
- ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัว (FDA)
- ระบบป้องกันการเหยียบคันเร่งแบบผิดวิธี (PMC)
หากเปรียบเทียบสเปกระหว่างรถทั้ง 2 คันจะพบว่า แต่ละคันมีจุดเด่นและจุดด้อยที่แตกต่างกัน โดยฝั่ง MG 3 Hybrid จะได้เปรียบตรงระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB), ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง (TPMS), ระบบช่วยควบคุมรถยนต์ให้อยู่ในเลน (LKA / LDP / LDW) และระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ (UDW) ในขณะที่ทางฝั่ง Yaris ATIV จะได้เปรียบตรงระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาบริเวณกระจกมองข้าง (BSM), ระบบช่วยเตือนการชนขณะถอยหลัง (RCTA), ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัว (FDA) และระบบป้องกันการเหยียบคันเร่งแบบผิดวิธี (PMC)
ราคา และสิทธิประโยชน์
Toyota Yaris ATIV Premium Luxury – ราคา 699,000 บาท
- รับประกันคุณภาพตัวรถ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร
MG 3 Hybrid + X – ราคา 619,900 บาท
- รับประกันคุณภาพตัวรถ 5 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร
- รับประกันแบตเตอรี่ Hybrid 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
สำหรับราคาของรถทั้ง 2 รุ่นนี้ MG 3 Hybrid+ x จะมีราคาที่สูงกว่า ATIV Premium Luxury อยู่ราว ๆ 70,000 บาท แต่การรับประกันจะได้ระยะทางที่น้อยกว่า 30,000 กิโลเมตร แต่จะได้การรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดยาวนานถึง 10 ปี (Yaris ATIV ไม่มีแบตเตอรี่ไฮบริด) ซึ่งในมุมมองของผู้เขียนมองว่า รถทั้ง 2 รุ่นมีความน่าสนใจและมีความคุ้มค่าทั้ง 2 รุ่น ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเลือกแบรนด์น้องใหม่ (แต่อยู่ในประเทศไทยเกิน 10 ปีแล้วนะ) อย่าง MG หรือจะเลือกแบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่นอันดับ 1 ของประเทศไทยอย่าง Toyota ที่ถึงแม้ว่าจะขึ้นชื่อในเรื่องของความทนทาน และบริการหลังการขาย แต่รถรุ่นนี้เคยมีข่าวฉาวเรื่องการปิดบังผลการทดสอบการชน จนมีข่าวคราวมาแล้วเมื่อปีก่อน สุดท้ายเราขอแนะนำให้คุณไปทดลองขับ และสัมผัสรถคันจริงก่อนตัดสินใจซื้อ