หลังจากปล่อยทีเซอร์ตัวสุดท้ายไปได้ไม่นาน ในที่สุด Ferrari SF90 Stradale ก็ได้รับการเผยโฉมแล้วอย่างเป็นทางการ พร้อมขุมพลัง V8 เทอร์โบ 986 แรงม้า และท็อปสปีด 340 กม./ชม ขึ้นแท่นเป็นซูเปอร์คาร์ไฮบริดแรงที่สุดเท่าที่ค่ายม้าลำพองเคยผลิตมา
SF90 Stradale คือซูเปอร์คาร์ที่ถูกผลิตขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 90 ปีของทีมแข่งรถสูตรหนึ่ง Scuderia Ferrari และเป็นการเชื่อมโยงสายสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างโรดคาร์และแทร็กคาร์ของบริษัท
แน่นอนว่าสิ่งที่เป็นไฮไลท์ของรถรุ่นี้คือขุมพลัง ซึ่งมันมาพร้อมเครื่องยนต์ V8 ความจุ 4.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ให้กำลังสูงสุด 769 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตร จับคู่กับระบบไฮบริดที่มีมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว โดยมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัวจะถูกติดตั้งอยู่ระหว่างเครื่องยนต์ V8 และเกียร์ดูอัลคลัตช์แบบ 8 สปีดใหม่ ขณะที่อีก 2 ตัวจะอยู่ที่เพลาหน้า
มอเตอร์ไฟฟ้าทั้ง 3 ตัวจะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 7.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง ผลิตกำลังได้ 217 แรงม้า และเมื่อกำลังทั้งหมดถูกถ่ายทอดไปยังระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ SF90 Stradale จะมีพละกำลังสูงถึง 986 แรงม้าเลยทีเดียว
ด้วยขุมพลังอันล้นเหลือ SF90 Stradale สามารถเร่งจากจุดหยุดนิ่งถึง 100 กม.ต่อชม. ได้ภายใน 2.5 วินาที และทำ 0-200 กม.ต่อชม. ได้ภายใน 6.7 วินาที ขณะที่ท็อปสปีดทำได้ 340 กม.ต่อชม. ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ไกลถึง 25 กม.
Ferrari ยอมรับว่าการลดน้ำหนักนั้นเป็นเรื่องที่ “ท้าทาย” เนื่องจากระบบไฮบริดนั้นได้เพิ่มน้ำหนักให้กับตัวรถถึง 270 กก. อย่างไรก็ตามพวกเขาสามารถจัดการกับสิ่งนี้ได้สำเร็จ โดยการใช้วัสดุที่หลากหลายบนตัวถังและแชสซี ซึ่งส่วนประกอบเหล่านี้สร้างขึ้นจากวัสดุน้ำหนักเบา รวมถึงคาร์บอนไฟเบอร์และโลหะผสมอลูมิเนียมใหม่
สำหรับรูปลักษณ์ด้านหน้า ค่ายม้าลำพองให้คำนิยามว่ารถรุ่นนี้คือ “ขีดสุดของวิวัฒนาการ” ของรถสปอร์ตที่ผลิตในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อพบเห็นสามารถรับรู้ได้ทันทีว่ามีความแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า LED Matrix ทรงเรียวบาง กระจกหน้ารถที่โค้งมากขึ้น ไฟท้ายดีไซน์ใหม่ และเสา A ที่บางกว่าเดิม
ขณะที่การออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ของตัวรถยังช่วยสร้างแรงกดได้ถึง 390 กิโลกรัม ที่ความเร็ว 250 กม.ต่อชม. ซึ่งทาง Ferrari เรียกสิ่งนี้ว่าเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับรถยนต์สมรรถนะสูง
ดีไซน์ที่ล้ำสมัยยังถูกถ่ายทอดมายังห้องโดยสาร เนื่องจากมีการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากห้องโดยสารของนักบิน พร้อมด้วยหน้าจอดิจิตอลขนาดใหญ่ 16 นิ้ว ซึ่งมีมาตรวัดอยู่ตรงกลาง ขนาบข้างด้วยระบบนำทางและจอแสดงผลข้อมูลความบันเทิง
นอกจากนี้บนพวงมาลัยยังมีสวิตช์ที่สามารถเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้ 4 รูปแบบ คือ โหมด eDive สำหรับผู้ต้องการเดินทางอย่างเงียบๆ ในเมือง, โหมด Hybrid เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์, โหมด Performance ใช้พลังจากเครื่องยนต์ V8 ทำงานตลอดเวลา, และโหมด Qualify ปล่อยกำลังทั้งหมดจากเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจนผลิตกำลังได้สูงสุด 986 แรงม้า