fbpx

ทำไม “จีน” ถึงกลายมาเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์

หากย้อนกลับไปในช่วงยุคต้นปี 2000 หากเราพูดถึง “รถยนต์จีน” เชื่อว่าแทบทุกคนต้องร้องอี๊ และไม่อยากจับจองรถยนต์สัญชาติจีนมาเป็นเจ้าของแน่ๆ แต่ไม่น่าเชื่อว่าในระยะเวลาเพียง 20 ปี พวกเขาสามารถก้าวขึ้นมาเป็นยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ รวมถึงเข้ามาเป็นผู้เล่นคนสำคัญในตลาดรถยนต์ประเทศไทยอีกด้วย โดยในงาน Motor Show 2023 ที่ผ่านมา แบรนด์รถยนต์จากประเทศจีนอย่าง MG และ Great Wall Motor สามารถทำยอดขายได้เป็นอันดับที่ 3 และ 5 ตามลำดับ

เรามาดูกันว่า ทำไมจีน ถึงก้าวขึ้นมากลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำทั่วโลกต่างเป็นกังวล และมองว่าพวกเขาคือคู่แข่งคนสำคัญ ก่อนอื่นเรามารู้จักประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมยานยนต์จีนแบบสั้นๆกันก่อนครับ

 

1950 – 1977 ช่วงก่อตั้งอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศจีน

ช่วงทศวรรษ 1950 ประเทศจีนได้เริ่มฟื้นตัวจากภัยสงครามโลกครั้งที่ 2 พวกเขาได้สร้างโรงงานผลิตรถยนต์แห่งแรกซึ่งมีชื่อว่า The First Automotive Works (FAW) ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองเสฉวนซึ่งพวกเขาได้รับความช่วยเหลือจากสหภาพโซเวียต ทั้งในเรื่องเงินทุนรวมถึงเทคโนโลยีและการทักษะงานช่าง และต่อมาในปี 1958 ทางรัฐบาลจีนประกาศใช้นโยบาย “หนึ่งมณฑล หนึ่งโรงงาน” ทำให้เกิดการสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ขึ้นในอีกหลายเมืองไม่ว่าจะเป็น เซี่ยงไฮ้, ปักกิ่ง, นานจิง และจี่หนาน ซึ่งการผลิตรถยนต์ในช่วงนี้จะมุ่งเน้นไปที่รถบรรทุกและรถยนต์หรูสำหรับใช้ในการทหารและใช้รับรองเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นส่วนมาก เนื่องจากรัฐบาลเป็นผู้จัดสรรการบริโภคของประชาชนในประเทศแทบทั้งหมด (คอมมิวนิสต์)

 

1978 – 2000 อุตสาหกรรมยานยนต์จีน เติบโตอย่างต่อเนื่อง

ในปี 1978 ประเทศจีนภายใต้การบริหารของ เติ้ง เสี่ยวผิง ได้ประกาศนโยบาย ปฏิรูประบบเศรษฐกิจและใช้นโยบายเปิดประเทศ รวมถึงลดการควบคุมการบริโภคของประชาชนจากส่วนกลางลง ทำให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์เติบโตเป็นอย่างมากในช่วงนี้ และมีประชาชนมากมายสนใจและซื้อรถยนต์ส่วนบุคคลเป็นจำนวนมาก และในปี 1994 รัฐบาลจีน กำหนดให้อุตสาหกรรมยานยนต์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักของประเทศ

Teng Hsiao-p'ing
เติ้ง เสี่ยวผิง ผู้นำของสาธารณรัฐประชาชนจีน ผู้ปฏิวัติอุตสาหกรรมจีน ในช่วงยุค 1980s

 

2000 – 2009 อุตสาหกรรมรถยนต์จีนเติบโตแบบ ก้าวกระโดด และขึ้นเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดโลก

ในปี 2001 ประเทศจีนเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) อุตสาหกรรมยานยนต์จีนเริ่มเข้าสู่การ ผลิตแบบ Mass production จึงทำให้ในช่วงนี้แบรนด์รถยนต์จีนเติบโตแบบก้าว กระโดด ปี ค.ศ. 2001 การผลิตยานยนต์ของจีนมากถึง 2.3 ล้านคัน และเพิ่มเป็น 13.79 ล้านคันในปี 2009

 

2009 – ปัจจุบัน จีนกลายเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า จากการสนับสนุนของภาครัฐ

รัฐบาลจีนได้ทุ่มเงินมากถึง 29,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1 ล้านล้านบาท) เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าให้มีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น รวมถึงนโยบายจูงใจให้ประชาชนซื้อรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งจะมอบส่วนลดและสิทธิพิเศษ ทำให้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศของจีนปี 2022 ที่ผ่านมาสูงถึง 6 ล้านคัน หรือคิดเป็นครึ่งหนึ่งของจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าที่จำหน่ายทั่วโลก

 

BYD ผู้เล่นรายใหญ่ ผู้ต่อกรกับ Tesla ได้อยากภาคภูมิ

หากเราพูดถึงแบรนด์รถยนต์จากจีนสัก 1 แบรนด์ ต้องมีชื่อของ BYD ติดโผขึ้นมาอย่างแน่นอน ซึ่งถึงแม้ว่าแบรนด์จะมีอายุเพียงแค่ 20 ปีเท่านั้น (ใกล้เคียงกับ Tesla) แต่พวกเขาได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล รวมถึงยังมีนักลงทุนรายใหญ่อย่าง Warren Buffett ที่ได้เข้าซื้อหุ้นในปี 2008 ไปมากถึง 228 ล้านหุ้น คิดเป็นเงินมากถึง 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งแบรนด์ก็มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด สามารถทำยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2022 ที่ผ่านมาไปได้มากถึง 911,141 คัน คิดเป็นอันดับที่ 2 เป็นรองเพียง Tesla ที่สามารถขายรถไฟฟ้าไปได้ราวๆ 1.3 ล้านคัน

 

ประเทศจีน เป็นประเทศที่มีกำลังผลิตรถยนต์มากที่สุดในโลก และมีแบรนด์ให้เลือกมากกว่า 190 แบรนด์ มากที่สุดในโลก

อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้รถยนต์จากประเทศจีนได้รับความนิยม นั่นก็เป็นเพราะว่าประเทศจีนเป็นประเทศที่มีกำลังการผลิตรถยนต์สูงที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน รวมถึงยังสามารถ “ควบคุมต้นทุนการผลิต” ได้เป็นอย่างดีจากค่าแรงงานที่ต่ำ และทรัพยากรจำนวนมากในประเทศของพวกเขา ส่งผลให้พวกเขามีแบรนด์รถยนต์ในประเทศมากกว่า 190 แบรนด์ (นับรวมแบรนด์ย่อยต่างๆ)

จีนครอบครองส่วนแบ่งในตลาดแบตเตอรี่สูงถึง 75 เปอร์เซ็นต์ นำโดย CTAL บริษัทแบตเตอรี่ชื่อดัง

ไม่น่าเชื่อว่าทรัพยากรแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ากว่า 75% ถูกครอบครองโดยจีน ซึ่งพวกเขามีบริษัท Contemporary Amperex Technology หรือ CATL ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งมีลูกค้าเป็นบริษัทรถยนต์ในประเทศ รวมถึงบริษัทรถยนต์ชั้นนำอย่าง Tesla และ GM

ในอนาคตอันใกล้ เราอาจจะได้เห็น “รถยนต์จีน” วิ่งกันบนท้องถนนเพิ่มมากขึ้น “อย่างก้าวกระโดด” เช่นเดียวกับในปัจจุบัน ประเทศไทยที่มีผู้เล่นหลักอย่าง MG และ Great Wall Motor รวมถึง BYD ผู้เล่นใหม่ที่เข้าสู่ตลาดในช่วงปลายปี 2022 ที่ผ่านมา ซึ่งสามารถเรียกความสนใจจากคนไทยได้อย่างล้นหลาม

 

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : data.thaiauto.or.th / markets.businessinsider.com / insideevs.com / plus.thairath.co.th / carnewschina.com

รับชมข่าวสารยานยนต์อื่นๆที่น่าสนใจ คลิกที่นี่

รับชมคลิปวีดีโอทดสอบรถของเรา คลิกที่นี

บทความที่น่าสนใจ

อนาคตบนเส้นทางรถไฟฟ้าของ ค่ายดาวสามแฉก อาจจะต้องฝากไว้กับ Mercedes-Benz SL คันนี้

idiot

เปิดตัว Toyota Yaris Cross เอสยูวีไฮบริดขนาดเล็กรุ่นใหม่ ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD

idiot

Bugatti เผยจะผลิต Chiron ครบจำนวน 500 คันในปีหน้า แย้มปีนี้มีเซอร์ไพรส์ใหญ่

idiot

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy