อย่างที่เราทราบกันดีว่า BYD ถือเป็นแบรนด์รถยนต์อันดับ 1 ของประเทศจีน ซึ่งมีรถยนต์ให้เลือกหลากหลายประเภทตามการใช้งาน โดยในปี 2022 ที่ผ่านมาพวกเขาสามารถขายรถยนต์ไฟฟ้าได้มากที่สุดในโลก (มากกว่า Tesla) และมีรุ่นรถยนต์ที่ติดอันดับรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในประเทศจีน 10 รุ่น มากถึง 6 รุ่นด้วยกัน ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วแบรนด์ BYD พึ่งก่อตั้งมาเพียง 20 ปีเท่านั้น
อะไรคือกุญแจสำคัญที่ทำให้ BYD ขึ้นแท่นเป็นแบรนด์รถยนต์อันดับ 1 ของประเทศจีน ภายในเวลาเพียงแค่ 20 ปี เรามาหาคำตอบพร้อมๆกันเลยครับ
BYD มีรถยนต์ให้เลือกหลากหลายรูปแบบ หลากหลาย Segment
เริ่มกันที่ประเด็นแรกก็คือ BYD มีรถยนต์ให้เลือกหลากหลายประเภท และหลากหลายช่วงราคา ซึ่งสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างหลากหลาย โดยพวกเขามีรถไฟฟ้าคันเล็กอย่าง BYD Seagull ซึ่งมาพร้อมกับสเปคและออปชั่นที่น่าสนใจ แต่กลับมีราคาเริ่มต้นเพียงแค่ราวๆ 390,000 บาท (ราคาในประเทศจีน) และมันสามารถกวาดยอดขายไปได้อย่างถล่มถลายหลังการเปิดตัวในประเทศจีน ในขณะที่คู่แข่งคนสำคัญอย่าง Tesla มีรถยนต์ไฟฟ้าที่ถูกที่สุดคือ Model 3 ซึ่งมีราคาขายเริ่มต้นอยู่ที่ราวๆ 1,100,000 บาทในประเทศจีน
เทคโนโลยี Blade Battery เล็ก ทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน และชาร์จไฟได้เร็ว
เราปฎิเสธไม่ได้เลยว่า BYD เป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่เชี่ยวชาญในการผลิตชุดแบตเตอรี่ และพวกเขามีเทคโนโลยีที่มีชื่อว่า Blade Battery ซึ่งมันมาพร้อมกับคุณสมบัติรอบด้านไม่ว่าจะเป็น ความทนทานต่อสภาพแวดล้อม ทั้งการกระแทกและความร้อน รวมถึงยังสามารถรองรับการชาร์จไฟกำลังสูงและยังมีอัตราการเสื่อมของตัวแบตเตอรี่ที่ต่ำ อีกทั้งยังมีขนาดที่เล็กเมื่อเปรียบเทียบกับแบตเตอรี่อื่นๆ และไม่น่าเชื่อว่าบริษัทรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่อย่าง Tesla ก็มีการนำ Blade Battery ไปใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าของพวกเขาด้วยเช่นกัน
บริษัทมีความมั่นคง และยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า
อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้ BYD เติบโตอย่างรวดเร็วนั่นก็คือ ความไว้วางใจของลูกค้าที่มีให้กับบริษัท เนื่องจาก BYD เป็นบริษัทยานยนต์ขนาดที่ใหญ่ที่มีความมั่นคงสูง โดยในปัจจุบันมีพนักงานรวมกันทั่วโลกมากถึง 570,000 คน และมีโรงงานเป็นจำนวนมากถึง 30 แห่ง ครอบคลุมแทบทุกทวีปในโลก นอกจากนี้ยังมีนักลงทุนชื่อดังอย่าง Warren Buffett ได้เข้ามาถือหุ้นของ BYD อยู่จำนวนหนึ่ง
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : chinadaily.com.cn / counterpointresearch.com