รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศทุ่มเงินมากถึง 2,500 ล้านดอลลาร์ (80,000 ล้านบาท) ในการสร้างโครงข่ายสถานีชาร์จไฟรถยนต์ไฟฟ้าให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น เพื่อให้รองรับกับจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Grant Discretionary Grant Program ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีแผนที่จะสร้างเครือข่ายสถานีชาร์จ EV สาธารณะมากถึง 500,000 แห่งภายในปี 2023 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงให้ได้ 50-52 เปอร์เซ็นต์ โดยงบประมาณดังกล่าวจะถูกนำไปใช้สำหรับการสนับสนุนภาคเอกชน ในการสร้างสถานีชาร์จบริเวณชุมชนเมืองและชนบท รวมถึงพื้นที่ใจกลางเมืองและละแวกใกล้เคียง เพื่อความสะดวกสบายและสามารถเข้าถึงสถานชาร์จได้ง่ายของประชาชน อีกทั้งยังเป็นการยกระดับเศรษฐกิจในเมืองเล็กๆที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในประเทศสหรัฐอเมริกา
Pete Buttigieg รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมของสหรัฐฯ ได้ออกมากล่าวว่า “ในวันนี้เรากำลังก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวหนึ่งในการสร้างอนาคตของ EV ที่สะดวก ราคาไม่แพง เชื่อถือได้ และเข้าถึงได้สำหรับชาวอเมริกันทุกคน”
โดยก่อนหน้านี้ทางรัฐบาลได้มีโครงการ NEVI Formula ซึ่งได้จัดสรรเงินให้กับรัฐต่างๆ สำหรับการสร้างโครงข่ายสถานีชาร์จไฟ ซึ่งจะเน้นไปที่การสร้างสถานีชาร์จบริเวณถนนหลวง หรือถนนสายหลักที่มีผู้คนใช้งานเป็นจำนวนมาก ซึ่งการเพิ่มงบประมาณในโครงการใหม่นี้ จะช่วยเพิ่มจำนวนของสถานีชาร์จให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา
ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ภาครัฐให้ความสำคัญกับการสร้างสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเป็นอย่างมาก และต้องการให้ผู้คนหันมาใช้งานรถยนต์ไฟฟ้ามากยิ่งขึ้นด้วยการสนับสนุนงบประมาณให้กับเอกชนในการสร้างสถานีชาร์จ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งถึงแม้ว่าในประเทศสหรัฐอเมริกาจะมีบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่อย่าง Tesla รวมถึง Ford ที่เริ่มทยอยปล่อยรถยนต์ไฟฟ้าออกมาหลากหลายรุ่น แต่ไม่น่าเชื่อว่าในปี 2022 ที่ผ่านมา ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ มีสัดส่วนเป็น 5.6 เปอร์เซ็นต์จากยอดขายรถยนต์ทั้งหมด ซึ่งหากทางรัฐบาลไทยต้องการให้ผู้คนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น ก็ควรจะต้องสนับสนุนและทุ่มงบประมาณในการสร้างโครงข่ายสถานีชาร์จให้ครอบคลุมมากกว่านี้
ขอบคุณข้อมูลจาก : carscoops.com