ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของไทยอาจเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในปีนี้ หลังผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากจีนทั้ง BYD และ Great Wall Motor เตรียมที่จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศไทยเป็นครั้งแรก และเงินจูงใจจากรัฐบาลมูลค่า 2.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ จะช่วยเพิ่มความต้องการของผู้บริโภค
กฤษฎา อุตตโมทย์ นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Bloomberg ว่า ยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ใหม่มีแนวโน้มที่จะสูงถึง 150,000 คันภายในสิ้นปีนี้ นั่นจะทำให้รถ EV คิดเป็นสัดส่วน 20% ของยอดการจดทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลทั้งหมดในไทยในปีนี้ และอาจพุ่งสู่ระดับ 225,000 คันในปี 2568 ซึ่งจะบรรลุเป้าหมายของคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) ที่ตั้งเป้าให้สัดส่วนการใช้รถ EV แตะ 30% ของยอดการจดทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลทั้งหมดในไทย
รายงานยังระบุว่า รถ EV ได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นในไทย หลังรัฐบาลลดภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิตสำหรับการนำเข้ารถ EV พร้อมจ่ายเงินอุดหนุนให้แก่ผู้ซื้อ มาตรการเหล่านี้เริ่มต้นขึ้นในปี 2565 ก่อนขยายออกไปถึงปี 2570 และสามารถดึงดูดการลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากจีนทั้ง BYD และ Great Wall Motor ต่างก็เปิดโรงงานในไทย ซึ่งจะส่งเสริมอิทธิพลด้านการผลิตของไทยและช่วยให้ไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593
แม้ว่าศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุในรายงานเมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้วว่า การยายตัวอย่างรวดเร็วของรถ EV ในไทย อาจทำให้สถานนีชาร์จไฟไล่ตามไม่ทันยอดขาย ซึ่งบั่นทอนความต้องการรถ EV ของกลุ่มผู้ซื้อในตลาดมวลชนที่เน้นปริมาณยอดขาย
แต่นายกฤษฎากล่าวว่า ไทยมีโครงสร้างพื้นฐานสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมรถ EV โดยปัจจุบันมีเครื่องชาร์จรถ EV กว่า 8,700 เครื่องในสถานีชาร์จประมาณ 2,200 จุดทั่วประเทศ ณ เดือนก.ย.ปีที่แล้ว ขณะที่ไทยมีรถยนต์ไฟฟ้าพลังแบตเตอรี่ประมาณ 90,000 คันและรถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริดอีก 54,000 คัน