เมื่อไม่นานมานี้ ได้เกิดเหตุการณ์น่าเศร้าเมื่อรถ Tesla Model S คันหนึ่งได้เกิดเพลิงไหม้บนถนนสายหนึ่งในเมือง Sacramento ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐ California ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องใช้น้ำมากถึง 22,700 ลิตรในการดับไฟไหม้ในครั้งนี้
เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นในวันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งผู้ใช้รถ Tesla Model S คันที่เกิดเหตุได้อ้างว่า เขาได้ขับรถของเขามาด้วยความเร็วปกติบนถนนหลวงสายหนึ่ง ก่อนที่ไฟจะเริ่มลุกไหม้จาก “ช่องเก็บแบตเตอรี่” เข้าจึงได้รีบโทรแจ้งให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้ามาช่วยเหลือ และไม่นานหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่พร้อมด้วยรถดับเพลิง 2 คัน และรถเติมน้ำ ได้มาถึงจุดเกิดเหตุและเริ่มดับไฟที่เกิดขึ้น
แต่เมื่อเวลาผ่านไปราวๆ 20 นาที ดูเหมือนว่ากองไฟเจ้าปัญหายังคงโหมกระหน่ำ ไม่มีท่าทีจะดับลงเลยแม้แต่นิดเดียว จนตำรวจทางหลวงต้องปิดเส้นทางจราจรชั่วคราว โดยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้สังเกตุว่าต้นตอของไฟนั้นมาจากด้านใต้รถซึ่งเป็นบริเวณที่ติดตั้งแบตเตอรี่ จึงได้ทำการยกรถขึ้นและฉีดน้ำเข้าไปบริเวณแบตเตอรี่ และต้องใช้น้ำมากถึง 6,000 แกลอน หรือราวๆ 22,700 ลิตรในการดับไฟในครั้งนี้
หัวหน้าหน่วยดับเพลิงของ Metro Fire of Sacramento ได้ออกมาตั้งข้อสังเกตว่า โดยปกติแล้วหากเป็นรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปแล้วเกิดเพลิงไหม้ในลักษณะนี้ จะใช้น้ำโดยเฉลี่ยเพียงแค่ราวๆ 500 – 1,000 แกลอน (1,900-3,800 ลิตร) แต่ในการดับไฟรถยนต์ไฟฟ้าในครั้งนี้กลับต้องใช้น้ำปริมาณมากถึง 6,000 แกลอน (22,700 ลิตร) ซึ่งอาจจะมากกว่าปริมาณน้ำที่ใช้ดับไฟบ้านทั้งหลังเสียอีก
มีหลายๆหน่วยงานได้ทำการทดสอบโอกาสในการเกิดไฟลุกใหม่เปรียบเทียบระหว่างรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป ต่างออกมาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า รถยนต์ไฟฟ้ามีโอกาสที่จะเกิดเพลิงไหม้ “น้อยกว่า” รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในอย่างมีนัยยะสำคัญ แต่ความยากในการดับไฟนั้นเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทางบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รวมถึงหน่วยงานดับเพลิงจะต้องหาวิธีการแก้ไขปัญหาดังกล่าวต่อไป
The vehicle battery compartment spontaneously caught fire while it was traveling freeway speeds on EB Hwy 50. The fire was extinguished with approx 6,000 gallons of water, as the battery cells continued to combust. Thankfully no injuries were reported. pic.twitter.com/PRmlWzQdXS
— Metro Fire of Sacramento (@metrofirepio) January 29, 2023
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : carscoops.com / twitter.com/metrofirepio