ไม่กี่สัปดาห์หลังจากเปิดตัว Tesla Model Y รุ่นปรับโฉมใหม่ในจีน ทางบริษัทก็ต้องเผชิญกับการเรียกคืนรถจำนวนมากถึง 2 ครั้ง โดยมีรถ EV ที่ต้องแก้ไขรวมกันกว่า 1.2 ล้านคันในประเทศจีน การเรียกคืนนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Tesla เพิ่งเรียกคืนรถ 240,000 คันในสหรัฐอเมริกาไปเมื่อไม่นานมานี้
รายละเอียดการเรียกคืน
-
การเรียกคืนครั้งแรก
เกี่ยวข้องกับรถ Tesla Model 3 และ Model Y ที่ผลิตในจีนจำนวน 871,087 คัน ซึ่งผลิตระหว่างวันที่ 3 มกราคม 2022 ถึง 23 กันยายน 2023 ปัญหาที่พบคือระบบพวงมาลัยไฟฟ้าอาจไม่ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งอาจส่งผลให้การควบคุมรถยากขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการอัปเดตซอฟต์แวร์เท่านั้น -
การเรียกคืนครั้งที่สอง
เกี่ยวข้องกับรถ 335,716 คัน ซึ่งมีปัญหาเกี่ยวกับกล้องหลัง เช่นเดียวกับการเรียกคืนในสหรัฐอเมริกาเมื่อเร็วๆ นี้ โดยพบว่าเมื่อรถเริ่มทำงาน กระแสไฟฟ้าที่ไหลย้อนกลับอาจทำให้เกิดการลัดวงจรในแผงวงจรหลัก ส่งผลให้กล้องหลังไม่ทำงาน รุ่นที่ได้รับผลกระทบได้แก่ Model S และ Model X ที่นำเข้า รวมถึง Model 3 และ Model Y ที่ผลิตในจีนระหว่างวันที่ 16 กรกฎาคม 2023 ถึง 14 ธันวาคม 2024
วิธีการแก้ไข
-
การอัปเดตซอฟต์แวร์
รถส่วนใหญ่สามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการอัปเดตซอฟต์แวร์เวอร์ชัน 2024.44.25.3 ซึ่ง Tesla จะส่งการอัปเดตนี้ผ่านระบบออนไลน์ (Over-the-Air) โดยไม่ต้องนำรถเข้าศูนย์บริการ -
การเปลี่ยนชิ้นส่วน
สำหรับรถบางคันที่ต้องการการแก้ไขเพิ่มเติม Tesla จะจัดบริการเปลี่ยนแผงวงจรหลักใหม่ฟรีที่ศูนย์บริการ
สถานการณ์ล่าสุดของ Tesla
ปี 2024 ถือเป็นปีที่ท้าทายสำหรับ Tesla เนื่องจากบริษัทต้องเรียกคืนรถจำนวนมากทั้งในสหรัฐอเมริกาและจีน แม้ว่าการเรียกคืนส่วนใหญ่จะสามารถแก้ไขได้ด้วยซอฟต์แวร์ แต่การที่ Tesla กลายเป็นบริษัทที่เรียกคืนรถมากที่สุดในสหรัฐอเมริกาเมื่อปีที่แล้วก็สร้างความกังวลให้กับผู้บริโภคและนักลงทุน
บทสรุป
การเรียกคืนรถกว่า 1.2 ล้านคันในจีนครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความท้าทายที่ Tesla กำลังเผชิญในด้านคุณภาพและการควบคุมมาตรฐาน แม้ว่าปัญหาส่วนใหญ่จะแก้ไขได้ด้วยซอฟต์แวร์ แต่การเรียกคืนในวงกว้างเช่นนี้อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม Tesla ยังคงเป็นผู้นำในตลาด EV และการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วอาจช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นได้ในอนาคต
แหล่งที่มา : carscoops