ในทุกฤดูใบไม้ผลิ ริมทะเลสาบโคโม ประเทศอิตาลี จะกลายเป็นเวทีแสดงสุดยอดยนตรกรรมระดับตำนานในงาน Concorso d’Eleganza Villa d’Este และในปีนี้ก็เช่นกัน งานนี้ได้เปิดตัวรถสุดแปลกในอดีตที่ยังคงโลดแล่นได้อย่างน่าทึ่ง นั่นคือ OSI Silver Fox รถต้นแบบแข่งเลอมังส์จากยุค 60s ที่แม้จะมีเครื่องยนต์เพียง 1.0 ลิตร แต่สามารถวิ่งได้เร็วถึง 250 กม./ชม.

OSI Silver Fox: รถแข่งรูปร่างสุดล้ำจากปี 1967

OSI Silver Fox เป็นผลงานจากบริษัท Officine Stampaggi Industriali (OSI) ผู้ผลิตรถยนต์ขนาดเล็กของอิตาลีที่มีชื่อเสียงในการผลิตรถให้กับแบรนด์อย่าง Alfa Romeo, Ford และ Innocenti แต่ในปี 1967 OSI ตัดสินใจก้าวออกจากเงาของแบรนด์ใหญ่ เพื่อสร้างรถแข่งภายใต้ชื่อของตัวเอง โดยมีเป้าหมายคือการแข่งขันในสนามทรหดอย่าง 24 Hours of Le Mans

สิ่งที่ OSI สร้างขึ้นไม่ใช่แค่รถแข่งธรรมดา แต่เป็นยานยนต์ที่ดูเหมือนหลุดมาจากห้องทดลองทางอากาศยาน ตัวรถออกแบบด้วย โครงสร้างตัวถังคู่ (Twin-Hull) คล้ายกับเรือคาตามารัน แบ่งเป็นสองฝั่ง ฝั่งซ้ายบรรจุเครื่องยนต์ Renault Alpine ขนาด 1.0 ลิตร 4 สูบ ขณะที่ฝั่งขวาเป็นที่นั่งของผู้ขับขี่ ซึ่งถูกวางไว้เพื่อตอบโจทย์ด้านสมดุลของน้ำหนัก

ปีกสามชิ้น ปรับได้ – จุดเด่นแห่งยุคอากาศพลศาสตร์

ระหว่างตัวถังคู่ มีสปอยเลอร์ขนาดใหญ่ 3 ชิ้น เชื่อมอยู่ ซึ่งสามารถปรับมุมได้ตามรูปแบบสนามเพื่อควบคุมแรงกดและแรงต้านอากาศ แม้เครื่องยนต์จะเล็กเพียง 1.0 ลิตร แต่ด้วยการออกแบบที่ล้ำยุคในด้านอากาศพลศาสตร์ ทำให้ Silver Fox สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 155 ไมล์ต่อชั่วโมง (250 กม./ชม.) ถือว่าเร็วอย่างน่าทึ่งสำหรับรถที่ใช้เครื่องยนต์ระดับรถซิตี้คาร์

เส้นทางฝันที่ไม่ถึงเส้นชัย

น่าเสียดายที่ OSI ล้มละลายไปในปี 1968 เพียงหนึ่งปีหลังจากการสร้าง Silver Fox ส่งผลให้รถคันนี้ไม่เคยได้ลงสนามแข่งขันจริงใน Le Mans และมีเพียงคันเดียวในโลกเท่านั้นที่ถูกสร้างขึ้น อย่างไรก็ตาม ตัวรถได้รับการเก็บรักษาไว้อย่างดี และยังสามารถขับเคลื่อนได้จนถึงทุกวันนี้

การคืนชีพที่ Villa d’Este

ในการจัดแสดงรถยนต์สุดหรูที่ Villa d’Este ปีล่าสุด Silver Fox ได้กลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง ท่ามกลางรถแข่งระดับตำนานและยนตรกรรมหายากจากทั่วโลก แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 5 ทศวรรษ แต่มันยังคงดึงดูดสายตาและเป็นบทพิสูจน์ถึงความกล้าคิดและนวัตกรรมในยุค 60s ได้อย่างยอดเยี่ยม

สรุป:

OSI Silver Fox คือตำนานที่ถูกลืมในวงการมอเตอร์สปอร์ต รถต้นแบบที่รวมนวัตกรรมล้ำยุคในยุคที่ยังไม่มี CFD หรืออุโมงค์ลมให้ทดลอง ทว่าแนวคิดของมันยังคงสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรักรถและนักออกแบบทั่วโลก แม้จะไม่ได้ลงสนามจริง แต่การปรากฏตัวของมันใน Villa d’Este คือการยืนยันว่า ตำนานบางคันไม่มีวันตาย

แหล่งที่มา : carscoops