งงไม่ไหว Segment A B C D ที่วงการรถทั่วโลกเขาเรียกกันมันคืออะไร… คำตอบ คือ การจำแนกประเภทเหล่านี้มันคือการจำแนกแบบ Euro Car Segment เริ่มใช้ในปี 1999 และถูกใช้ต่อ ๆ กันมาอย่างแพร่หลายทั่วโลกจนถึงปัจจุบันไม่เพียงเฉพาะในยุโรป วันนี้เราจึงอาสามาไขรหัสว่า Segment เหล่านี้ มันมีความหมายว่าอะไรบ้าง
A Segment
เริ่มกันที่ A Segment หรือ Kei car เป็นรถยนต์ที่มีขนาดเครื่องยนต์ 660 ซีซี แต่ไม่เกิน 1000 ซีซี หมวดนี้เป็นรถยนต์ที่เน้นใช้งานในเมือง คันเล็กน่ารัก ซึ่งดูเหมือนจะไม่ถูกจริตคนไทยเท่าไหรเพราะบ้านเราพื้นที่เยอะเน้นคันใหญ่นั่งสบาย ผิดกับที่ญี่ปุ่นรถประเภทนี้เป็นที่นิยมมาก ๆ เนื่องจากมีขนาดเล็กหาที่จอดได้ง่ายไม่ต้องใช้พื้นที่เยอะ และมีความคล่องตัวสูง ยกตัวอย่างเช่น Toyota Aygo, Suzuki Hustler และ Honda N-Box เป็นต้น
B Segment
มาต่อกันที่ B Segment ก็ยังคงเป็นรถยนต์ขนาดเล็กน่าร๊ากก มีขนาดเครื่องยนต์ 1,000 แต่ไม่เกิน 1,500 ซีซี ขวัญใจหนุ่มสาววัยทำงาน ถือเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลขนาดเล็กที่มีพื้นที่ใช้สอยเก็บสัมภาระได้พอหอมปากหอมคอ มันจึงเหมาะกับคนวัยทำงานที่อาจมีกิจกรรมที่หลากหลาย ทั้งนี้ รถ Eco Car ยังรวมอยู่ในหมวด B Segment ด้วย ยกตัวอย่างเช่น Nissan March, Suzuki Swift และ Honda Brio ส่วนรถในระกับปกติบน B Segment เช่น Honda City, Toyta Vios และ Mazda 2 เป็นต้น
C Segment
ขยับมาที่ C Segment ที่อัพไซส์ใหญ่ขึ้นจาก B Segment มีขนาดเครื่องยนต์ 1,500 ซีซี แต่ไม่เกิน 2,200 ซีซี รถคันนี้เหมาะอย่างยิ่งกับครอบครัวที่ไม่ใหญ่มาก 3-4 คน รถในหมวดนี้ก็พร้อมจุให้ไปกันได้ทั้งครอบครัว ประสิทธิภาพต่าง ๆ อัพเกรดขึ้นมาให้เหนือกว่า B Segment ซึ่งบ้านเราดป็นที่นิยมเนื่องจากมันมีขนาดพอดี๊ดี ไม่ใหญ่ไปไม่เล็กไป ขับไปได้ทุกที่ ยกตัวอย่างเช่น Toyota Corolla Altis, Honda Civic และ Mazda 3
D Segment
เรียกได้ว่าเป็นรถเอนกประสงค์ขนาดกลาง แต่สำหรับบ้านเราถือว่าใหญ่พอควร ถูกอัพเกรดให้เหนือกว่า C Segment ทั้งการตกแต่งภายในที่หรูหรา ประสิทธิภาพเครื่องยนต์การขับขี่ที่เหนือชั้นกว่า ซึ่งในบ้านเราคุ้นเคยกับรถประเภทนี้ดี ยกตัวอย่างเช่น Toyota Camry , Honda Accord และ Nissan Teana เป็นต้น
E Segment
Segment นี้ ส่วนมากเป็นซีดานสำหรับผู้บริหาร มีขนาดใหญ่ภายในถูกออกแบบมาเพื่อรองรับผู้บริหารอย่างแท้จริง ทั้งเบาะตอนหลังที่โอ่อ่า บางคันมาพร้อมระบบนวด และ ระบบสาระบันเทิงมากมาย ตกแต่งภายในอย่างเหนือระดับด้วยวัสดุพรีเมี่ยม ซึ่งรถที่อยู่ในประเภทนี้ที่เราคุ้นเคยกันดีน่าจะค่อนไปทางรถหรูราคาแพง ยกตัวอย่างเช่น BMW 5-Series, Audi A6 และ Mercedes-Benz E-Class เป็นต้น