ใกล้กันเข้ามาทุกขณะกับการแสดงมหกรรมรถยนต์ประจำปีของประเทศไทย แต่ขนาดที่ยังไม่ถึงงานแสดงประจำปี เราก็มักจะเห็นรถป้ายแดงวิ่งกันเต็มท้องถนน เนื่องจากยังสามารถหาซื้อรถใหม่ได้ตลอดทั้งปี แม้ว่าหลายคนจะภูมิใจกับการใช้รถป้ายแดง แต่รู้หรือไม่ว่าตามกฎหมายแล้วการขับรถป้ายแดงมีข้อห้ามหลายต่อหลายข้อ ซึ่งหากตำรวจมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังก็อาจจะต้องเสียค่าปรับหลักหมื่นโดยที่ไม่รู้ตัว ว่าแต่การขับขี่รถป้ายแดงที่ถูกต้องตามกฎหมายจะต้องทำอย่างไรบ้าง ต้องลงคู่มือป้ายแดงเสมอ รถป้ายแดงจะมาพร้อมกับสมุดคู่มือประจำรถ ซึ่งการขับรถทุกครั้งจะเป็นต้องลงรายละเอียดให้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นชื่อผู้ขับรถ, เวลาใช้รถ, จุดหมายปลายทาง ฯลฯ ซึ่งปกติแล้วตำรวจจะอนุโลมไม่ตรวจเช็คสมุดดังกล่าว แต่อย่าลืมว่าตามกฎหมายแล้วคุณต้องลงเล่มทะเบียนทุกครั้งที่ใช้งาน หากมิเช่นนั้นจะมีความผิดตามมาตรา 28 และ มาตรา 61 ถูกปรับเป็นเงินไม่เกิน 1,000 บาท

ถ้าหากจะกล่าวถึง “ค้ำโช๊ค” หลายๆ คนคงจะนึกสงสัยว่ามันคืออะไรกัน แล้วมันจะมีประโยชน์สักแค่ไหนและจำเป็นหรือไม่กับการนำมาติดตั้งในรถของเรา ในวันนี้เราจึงขอนำทุกท่านมารู้จักกับเจ้า “ค้ำโช๊ค” กันว่ามีประโยชน์จริงหรือแค่เพิ่มความสวยงามกันแน่ ค้ำโช๊ค (Strut Bar) จะมีหลักการทำงานโดยที่จะเป็นตัวยึดระหว่างเบ้าโช๊คทั้งสองด้านของตัวถังรถยนต์เพื่อลดการบิดตัวของตัวถังรถ กล่าวคือในความเป็นจริงเมื่อเราขับรถบนถนนปกติ ซึ่งมีสภาพและอุปสรรคแตกต่างกันออกไป ตัวถังของรถยนต์จะมีการบิดตัว ยกตัวอย่างเช่นเมื่อขับรถด้วยความเร็วบนเส้นทางที่ขรุขระ แรงสั่นสะเทือนที่มาจากช่วงล่างจะส่งผลทำให้ตัวถังเกิดอาการบิดตัว สั่น กระพือ ตัวรถก็จะเกิดอาการ ร่อน ไม่เกาะถนน เช่นเดียวกันกับเมื่อต้องเข้าโค้งด้วยความเร็ว น้ำหนักตัวรถจะถูกถ่ายเทไปยังด้านใดด้านหนึ่งทำให้ตัวถังเกิดการบิดตัว จนมุมองศาล้อเกิดผิดเพี้ยนส่งผลให้รถไม่เกาะถนน และควบคุมยากขึ้น

วันนี้เราจะมาบอกกล่าวสำหรับใครหลายๆ คนที่ยังไม่เคยซื้อรถป้ายแดงมาก่อน หรือบางคนผ่านประสบการณ์นี้มาแล้ว แต่อาจจะไม่ค่อยได้สังเกตสักเท่าไหร่ ว่าในวันรับรถออกจากโชว์รูมนั้น นอกจากเงินดาวน์ที่ตกลงไว้กับผู้จำหน่ายหรือตัวแทนจำหน่ายแล้ว ยังจะต้องมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกที่คุณยังจะต้องควักกระเป๋าเพื่อเตรียมไปชำระด้วย ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้นลองไปดูกันเลย ค่าเบี้ยประกันภัย รถยนต์บางยี่ห้อไม่ได้มีการแถมประกันภัยชั้น 1 ให้กับทางลูกค้า หรืออาจมีเงื่อนไขดอกเบี้ยพิเศษที่บังคับให้ลูกค้าต้องจ่ายค่าประกันภัยเอง ซึ่งส่วนใหญ่รถป้ายแดงทุกคันจะต้องทำประกันภัยชั้น 1 ตามข้อบังคับของบริษัทไฟแนนซ์ (เว้นแต่ซื้อเงินสดก็ขึ้นอยู่กับลูกค้า) ดังนั้น คุณอาจจะต้องควักเงินอีกประมาณ 2-3 หมื่นบาท สำหรับรถขนาด 1.5 ลิตร (รถราคายิ่งแพง

กราบ สวัสดี แฟน ๆ Carvariety และ สมาชิกแฟนเพจ ฅ-คนรักรถ Carlover ด้วยใจจริง .. กราบ นี้มาจากหัวใจด้วยความเต็มใจครับ ผมรักและเคารพผู้อ่านและผู้ติดตามทุกท่านครับ ทาง Carvariety ยินดีที่จะหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับคนรัถรถมานำเสนอ อย่างต่อเนื่องแน่นอนครับ ในตอนนี้ที่เรียกว่า ฮอตฮิต ติดกระแสโซเซี่ยล จากวลีเด็ด กราบ ที่เรียกว่าดังกระฉ่อนอย่างรุนแรงภายในเวลาไม่กี่นาที งานนี้ใครผิดใครถูกผมไม่รู้ล่ะ

เดินทางต่อเนื่องใกล้เข้าสู่ปลายปีกันแล้วครับ อีกไม่กี่สัปดาห์เราก็ก้าวเข้าสู่ปี พ.ศ.ใหม่ ซึ่งปลายปีนี้อาจไม่คึกคักเท่าที่ควรด้วยสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นแต่อย่างไรแล้ว ..การพัฒนา เดินทางตามรอยพ่อ ก็เป็นสิ่งที่ดีที่เราทุกคนควรทำ มาในบทความเทคนิคยานยนต์ นี้ www.Carvariety.com ก็มีเรื่องราวมานำเสนอเช่นเคย เพราะผมเชื่อว่าหลายๆ ท่านอาจเคยเจอประสบการณ์แบบเลือกไม่ถูก เอ๊ะยังไง..!! แบบอารมณ์รักพี่เสียดายน้องว่างั้น หรือ ไม่ก็กลัวว่ากว่าจะจบแล้วต้องเจ็บ .. ฮร่า .!! มันเป็นเรื่องธรรมชาติครับ อยากจะได้สิ่งดีๆ ในบางครั้งก็ต้องแลก ซึ่งอาจมาแลกมาด้วยความเจ็บปวดก็ตาม แต่ถ้าเจ็บปวดแล้วจบสวยมันก็น่าลอง จริงมั้ยล่ะครับ

ในปัจจุบันนี้รถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่ออกมาจะมาพร้อมกับอ็อพชั่นที่หลากหลายและมีประโยชน์เป็นอย่างมาก แต่เรากลับจะไม่ค่อยใช้งานกัน จะมีอะไรบ้างนั้นลองไปดูกันเลย 1.Auto Start Stop ระบบ Auto Start Stop จะช่วยดับเครื่องยนต์ลงชั่วคราวขณะรถหยุดนิ่ง เพื่อช่วยลดการใช้น้ำมัน รวมถึงลดปริมาณการปล่อยไอเสียด้วย แต่เมื่อเครื่องยนต์ดับลง คอมเพรสเซอร์แอร์ก็จะถูกตัดการทำงานด้วยเช่นกัน ดังนั้น แอร์รถจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้รู้สึกไม่สบายตัว หลายคนจึงนิยมปิดระบบนี้ทุกครั้งที่ขึ้นรถ 2.Brake Hold ระบบ Brake Hold

สวัสดีครับ ชาว Carvariety? ทุกท่าน ในช่วงฤดูกาลแห่งความชุ่มฉ่ำของบรรยากาศฝนตกในแต่ละวัน ที่มักได้ยินวลีเด่นกับคำว่า ?น้ำรอการระบาย? อยู่เสมอ! บรรยากาศนี้อาจจะคุ้นเคยหรือไม่คุ้นเคยกับคนใช้รถหลายๆท่านก็เป็นได้ ..ยังไงก็ตามคงเป็นเรื่องที่เราๆ ท่านๆ คงต้องทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิด ?ซึ่งท่านไหนต้องขับรถผ่านไปในพื้นที่ที่ ?น้ำรอการระบาย? อยู่ละก็ใจเย็นๆ ตั้งสติให้มั่น .. หากพร้อมลุยก็ลุย !! ?หากไม่พร้อมให้จอด !! ?และรอน้ำระบายเรียบร้อยแล้วค่อยไปต่อก็ไม่ผิด..เพราะหากฝืน ขับรถผ่านไปในแบบที่ใจไม่นิ่งพอ ..งานนี้อาจจะสร้างเรื่องราวที่ไม่น่าจดจำให้กับรถคันเล็กๆ ก็เป็นได้ล่ะครับ..!!?

หลายๆ คนคงอาจจะเคยคิดสงสัยกันว่า ทำไมรถเราพอใช้งานไปสักพักนึงเวลาเติมน้ำมันไหงกลับรู้สึกว่ามันกินน้ำมันมากกว่าเดิม (หรือว่ารู้สึกไปเอง) วันนี้เราจะพาไปหาคำตอบกันว่าเพราะอะไรรถยนต์ของเราจึงได้ซดน้ำมันมากกว่าปกติ 1. การปรับแต่งส่วนผสมระหว่างน้ำมันเชื้อเพลิงกับอากาศไม่ถูกต้อง ในส่วนนี้ถ้าเกิดจากส่วนผสมหนาเกินไป (ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงมากเกินไป) ซึ่งเกิดจากการปรับที่คาร์บูเรเตอร์ หรือระบบหัวฉีดเชื้อเพลิง ซึ่งถ้าส่วนผสมหนาเกินไปก็จะทำให้กินน้ำมันมากในช่วงที่เครื่องเดินเบา ดังนั้นช่างหรือบุคคลที่ทำการปรับแต่งส่วนผสมของน้ำมันเชื้อเพลิงกับอากาศจะต้องเป็นผู้ที่มีความชำนาญ และมีเครื่องมือที่ใช้วัดไอเสียของรถยนต์ที่เกิดจากการเผาไหม้ เพื่อที่จะรู้ได้ว่าส่วนผสมเครื่องยนต์หนาหรือบาง 2. กรองอากาศอุดตัน อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เครื่องยนต์กินน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่าเดิมนั่นก็คือ กรองอากาศเกิดการอุดตัน เพราะถ้ากรองอากาศเกิดการอุดตันแล้ว จะทำให้อากาศผ่านเข้าไปในห้องเผาไหม้ได้น้อย ทำให้เกิดปัญหาในเรื่องของความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง และควันดำ 3. เครื่องยนต์หลวม