ในตลาดรถ SUV ขนาดเล็กที่ดุเดือดของออสเตรเลียและทั่วโลก ชื่อของ Nissan Qashqai (นิสสัน แคชไค) ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ท่ามกลางคู่แข่งตัวฉกาจอย่าง Toyota RAV4, Honda CR-V, Kia Sportage, และ Hyundai Tucson

ล่าสุด Nissan ได้เปิดตัวรุ่นปรับโฉม (facelift) ของ Qashqai เจเนอเรชันที่สาม (ปี 2025) ที่มาพร้อมรูปลักษณ์ที่คมคายยิ่งขึ้น และยังคงจุดเด่นที่ทำให้เราประทับใจ นั่นคือระบบขับเคลื่อน e-Power ที่ให้ประสบการณ์เหมือนขับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) แต่เติมน้ำมันแทนการชาร์จ

ข้อมูลสำคัญของ 2025 Nissan Qashqai Ti e-Power

การเปลี่ยนแปลงภายนอก: ดีไซน์ใหม่ที่คมและทันสมัย

การปรับโฉมของ Qashqai 2025 เน้นไปที่การอัปเกรดรูปลักษณ์ภายนอกให้ดูทันสมัยและดึงดูดสายตามากขึ้น

• ด้านหน้าใหม่: โดดเด่นด้วยชุดไฟหน้า LED รูปทรงใหม่ และกระจังหน้าดีไซน์ปรับปรุง ทำให้ตัวรถดูสปอร์ตและดุดันขึ้นอย่างลงตัว

• ด้านท้ายรถ: มีการปรับปรุงเล็กน้อย เช่น ไฟท้าย LED แบบใส (clear LED taillights) และกันชนหลังใหม่

อย่างไรก็ตาม ไม่มีรายงานการเปลี่ยนแปลงในส่วนของระบบส่งกำลัง ซึ่งยังคงมีสองทางเลือกหลักคือ เครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร เทอร์โบ และระบบ e-Power

ระบบ e-Power: ประหยัดและมอบประสบการณ์ขับขี่แบบ EV

รุ่น e-Power เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ Qashqai แตกต่างจากคู่แข่งทั่วไป ระบบนี้ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบ 3 สูบ ทำหน้าที่เป็นเพียงเครื่องปั่นไฟ เพื่อชาร์จแบตเตอรี่และจ่ายพลังงานให้กับมอเตอร์ไฟฟ้า

หลักการทำงานของ e-Power

• ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 100%: ล้อถูกขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว (กำลังสูงสุด 140 kW และแรงบิด 330 Nm)

• ความเงียบและราบรื่น: เนื่องจากเครื่องยนต์ไม่ได้เชื่อมต่อกับล้อโดยตรง การออกตัวจึงเงียบสนิทเหมือนรถ EV และเมื่อเครื่องยนต์ทำงานเพื่อปั่นไฟ ก็ยังคงเงียบและไม่รบกวนการขับขี่

• อัตราประหยัดเชื้อเพลิง: ในการทดสอบใช้งานจริง ทำอัตราประหยัดได้เฉลี่ย 5.3 ลิตร/100 กม. ซึ่งถือว่าน่าประทับใจมากสำหรับการใช้งานทั่วไป

จุดเด่น: ระบบนี้ทำให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสถึงแรงบิดทันทีทันใดและสัมผัสแบบ EV โดยไม่ต้องพึ่งพาระบบชาร์จภายนอก เพียงแค่เติมน้ำมันตามปกติ

ห้องโดยสาร: เน้นคุณภาพและฟังก์ชันการใช้งาน

ภายในของ Qashqai 2025 ยังคงความประณีตและน่าใช้งานสำหรับรถในระดับราคาเดียวกัน แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงน้อยมากเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนปรับโฉม

• ระบบ Infotainment: ใช้หน้าจอขนาด 12.3 นิ้วชุดเดิม (สำหรับตลาดออสเตรเลีย) รองรับ Apple CarPlay ไร้สาย และ Android Auto

• มาตรวัดดิจิทัล: แผงมาตรวัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว (มีในรุ่น Ti ขึ้นไป) ยังคงเป็นจุดเด่นที่ให้ข้อมูลครบถ้วนและปรับแต่งได้

• คุณภาพวัสดุ: มีการตกแต่งด้วยหนังและงานเย็บที่ประณีต วัสดุที่ใช้ถือว่าดีเยี่ยมสำหรับรถในระดับราคานี้ โดยเฉพาะรุ่น Ti-L ที่เพิ่มวัสดุ Alcantara เพื่อความหรูหรา

ข้อสังเกต: แม้ระบบ Infotainment จะใช้งานได้ดี แต่ก็ยังไม่โดดเด่นเท่าคู่แข่งบางราย และระบบเครื่องเสียงมาตรฐานอาจไม่ถูกใจคนรักเสียงเพลง ซึ่งสามารถแก้ไขได้โดยเลือกรุ่น Ti-L ที่มาพร้อมระบบ Bose 10 ลำโพง

ประสิทธิภาพการขับขี่: ควบคุมง่ายในทุกสถานการณ์

การขับขี่ Qashqai e-Power ให้ความรู้สึกสนุกและมั่นคง

• พละกำลัง: อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 8 วินาที ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานในเมืองและการเดินทางทั่วไป

• การบังคับเลี้ยว: พวงมาลัยถูกปรับจูนมาอย่างดี มีน้ำหนักที่เหมาะสมและตอบสนองที่แม่นยำ

• ระบบ e-Pedal: ระบบเบรกแบบสร้างพลังงานกลับคืนที่สามารถจัดการการเบรกส่วนใหญ่ได้ ทำให้การขับขี่ในสภาพจราจรหนาแน่นเป็นไปอย่างสะดวกสบาย

บทสรุป: ตัวเลือกที่โดดเด่นสำหรับผู้ที่ต้องการความแตกต่าง

2025 Nissan Qashqai e-Power ยังคงรักษาเสน่ห์และจุดเด่นเดิมไว้ได้อย่างครบถ้วน พร้อมรูปลักษณ์ที่สวยงามและทันสมัยยิ่งขึ้น ระบบ e-Power เป็นเทคโนโลยีที่มอบความประหยัดและประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าคู่แข่งไฮบริดทั่วไป

อย่างไรก็ตาม ผู้ซื้อควรพิจารณาขนาดห้องโดยสารที่อาจไม่กว้างขวางเท่าคู่แข่งขนาดใหญ่ เช่น Nissan X-Trail หรือ Hyundai Tucson Hybrid ซึ่งมีกำลังมากกว่าและพื้นที่ใช้สอยที่มากกว่า

หากความประหยัด ความนุ่มนวลในการขับขี่ และความรู้สึกเหมือนขับ EV คือสิ่งที่สำคัญที่สุด Qashqai e-Power คือตัวเลือกที่คุณควรนำมาเปรียบเทียบอย่างจริงจัง

แหล่งที่มา : carscoops