บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศเปิดตัวรถยนต์รุ่นพิเศษ ครั้งแรกกับการกลับมาของแบรนด์ระดับไอคอน “แรลลี่อาร์ท” (RALLIART) ด้วยการเปิดตัวรถยนต์มิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ท 2 รุ่น ได้แก่ ไทรทัน แรลลี่อาร์ท และ ปาเจโร สปอร์ต แรลลี่อาร์ท ครั้งแรกในโลก ในราคาเริ่มต้นที่ 667,000 บาท ที่งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 38
รถยนต์รุ่นแรลลี่อาร์ท จะวางจำหน่ายใน 3 รุ่นย่อย จากรถยนต์จำนวน 2 รุ่น ได้แก่ ไทรทัน และปาเจโร สปอร์ต โดยราคาเริ่มต้นของไทรทัน แรลลี่อาร์ท เมกะ แค็บ อยู่ที่ 667,000 บาท รุ่นไทรทัน แรลลี่อาร์ท ดับเบิ้ล แค็บ อยู่ที่ 705,000 บาท ในขณะที่รุ่นปาเจโร สปอร์ต แรลลี่อาร์ท ราคา 1,365,000 บาท
สำหรับภายนอกของแรลลี่อาร์ท มาพร้อมชุดอุปกรณ์ตกแต่งของแท้จากโรงงาน อาทิ ลวดลายสติกเกอร์ด้านข้างตัวรถสีแดง สีเงิน และสีดำ แผ่นกันโคลนสีแดง รวมถึงชุดตกแต่งใต้กันชนหน้าที่มาพร้อมโลโก้แรลลี่อาร์ท โดยรุ่นแรลลี่อาร์ทจะแตกต่างจากรุ่นธรรมดา ด้วยชุดตกแต่งภายนอกสีดำสุดพิเศษ ออกแบบเฉพาะสำหรับกระจังหน้า ล้ออัลลอย และหลังคา สำหรับภายในตกแต่งด้วยพรมปูพื้นจะมาพร้อมโลโก้แรลลี่อาร์ทด้วยเช่นกัน
ไทรทัน แรลลี่อาร์ท
- จะมาในรุ่น ไทรทัน ตัวเตี้ย โดยมีให้เลือกในรุ่นย่อย ได้แก่ เมกะ แค็บ และดับเบิ้ล แค็บ ชุดตกแต่งพิเศษประกอบด้วยพื้นปูกระบะท้ายที่มีโลโก้แรลลี่อาร์ท และมือเปิดกระบะท้ายสีดำ เพิ่มลุคสปอร์ตสุดโฉบเฉี่ยวและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังที่ไม่หยุดนิ่ง ของรุ่นไทรทันให้ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
- สีตัวถังรถ แรลลี่อาร์ท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาว Solid White พร้อมหลังคาสีดำ และสีดำ Jet Black Mica
ปาเจโร สปอร์ต แรลลี่อาร์ท
- ปาเจโร สปอร์ต แรลลี่อาร์ท มาพร้อมชุดตกแต่งใต้กันชนหลัง รวมถึงชุดตกแต่งซุ้มล้อสีดำ ที่ช่วยให้
ล้ออัลลอย และยางโดดเด่นยิ่งขึ้น อีกทั้งเพิ่มความแตกต่างจากรุ่นธรรมดาด้วยไฟหน้ารมดำ ล้ออัลลอยสีดำ
ราวหลังคาสีดำ เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำ และสปอยเลอร์หลังสีดำ ที่ติดตั้งมาสำหรับรุ่นนี้โดยเฉพาะ เพิ่มความสปอร์ตและสไตล์ที่หรูหราให้กับปาเจโร สปอร์ต ได้อย่างลงตัว - สีตัวถังรถ แรลลี่อาร์ท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาว White Diamond พร้อมหลังคาสีดำ และสีดำ Jet Black Mica
ในปีนี้ เพื่อฉลองครบรอบ 60 ปี ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในประเทศไทย บริษัทฯ ต้องการพาทุกท่านไปสัมผัสกับประวัติศาสตร์ที่น่าจดจำ พร้อมแสดงความขอบคุณคนไทย ด้วยการจัดแสดงรถยนต์ระดับตำนาน 3 รุ่น ที่เปรียบเสมือนตัวแทนความสำเร็จแห่งยุคสมัยของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ทั้งในตลาดรถยนต์เชิงพาณิชย์และสนามการแข่งขันแรลลี่ระดับโลก ที่งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 38 ครั้งนี้ด้วย โดยตำนานรถยนต์ทั้ง 3 รุ่นได้แก่
1) สามล้อรุ่น ‘ลีโอ’ ซึ่งเป็นรถยนต์มิตซูบิชิคันแรกที่วางจำหน่ายในประเทศไทย รถยนต์มิตซูบิชิ สามล้อ ลีโอ วางจำหน่ายครั้งแรกที่ญี่ปุ่นเมื่อปี พ.ศ. 2502 รถยนต์สามล้อรุ่นนี้ มอบประสบการณ์การขับขี่ในแบบสกู๊ตเตอร์ และเป็นรถสามล้อที่มีห้องโดยสารที่ทำจากเหล็กทั้งหมดเป็นครั้งแรก พร้อมติดตั้งที่นั่ง 2 ตำแหน่ง ภายหลังเปิดตัว มิตซูบิชิ ลีโอ ก็ติดอันดับรถยนต์ที่ขายดีที่สุดด้วยยอดการผลิตสูงถึง 1,000 คันต่อเดือน จากนั้นมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ได้ส่งออก มิตซูบิชิ ลีโอ จากญี่ปุ่นเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยในปี พ.ศ. 2504
2) ปาเจโร รุ่นปี 1985 มิตซูบิชิ ปาเจโร ร่วมแข่งขันรายการ ดาการ์ แรลลี่ ถึง 26 ครั้ง ระหว่างช่วงปีพ.ศ. 2526-2552 และสามารถคว้าชัยชนะมาครองได้ถึง 12 ครั้ง สร้างสถิติชนะสูงถึง 50 เปอร์เซ็นต์ในช่วงเวลาดังกล่าว โดยปาเจโร รุ่นปี 1985 สามารถคว้าชัยในการแข่งขันประเภทรวมโอเวอร์ออลครั้งแรกในรายการ ดาการ์ แรลลี่ และมีชื่อเสี่ยงโด่งดังในฐานะแบรนด์รถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นรายแรกที่สามารถคว้าชัยชนะครั้งใหญ่มาครองได้สำเร็จเมื่อปี พ.ศ. 2528 และในปีเดียวกันนั้นเอง มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ได้เปิดตัวรถยนต์ต้นแบบ ปาเจโร/มอนเตโร โดยนำเอาพื้นฐานโครงสร้างแชสซี และตัวถังของรถยนต์ในสายการผลิตที่ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.6 ลิตร รหัส 4G54 ที่มาพร้อมกับ เทอร์โบชาร์จ และอินเตอร์คูลเลอร์ มีกำลังสูงสุด 225 แรงม้า มาทำการปรับอัตราทดเฟืองท้ายใหม่ จึงส่งผลให้รถต้นแบบนี้สามารถทำความเร็วสูงสุดถึง 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
3) แลนเซอร์ ดับบลิวอาร์ซี 05 พัฒนาต่อเนื่องจากรถยนต์มิตซูบิชิรุ่น แลนเซอร์ อีโวลูชั่น ซึ่งได้รับสมญานามว่า “เจ้าแห่งสนาม เวิลด์แรลลี่แชมเปี้ยนชิพ” โดยรถยนต์รุ่นมิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีโวลูชั่น มาพร้อมกับเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ล้ำสมัยที่รู้จักในนามของ Super All-Wheel Control ที่ได้รับการพัฒนามาจากประสบการณ์การแข่งขันแรลลี่ชิงแชมป์โลก เทคโนโลยีดังกล่าวนี้เอง อยู่เบื้องหลังของการคว้าชัยชนะรายการแข่งขันแรลลี่ชิงแชมป์โลก ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ถึง 34 สมัย ระหว่างช่วงปี พ.ศ. 2510-2551 โดยชัยชนะ 26 ครั้งจาก 34 ครั้ง มาจากรุ่นมิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีโวลูชั่น ซึ่งโชว์ฟอร์มสุดยอดด้วยชัยชนะติดกันถึง 4 ปีซ้อนในช่วงปีพ.ศ. 2539-2542 โดยรุ่นแลนเซอร์ ดับบลิวอาร์ซี 05 ยังได้เข้าร่วมรายการแข่งขันแรลลี่ชิงแชมป์โลกเมื่อปีพ.ศ. 2548 ภายใต้กฎข้อบังคับใหม่ของการแข่งขัน รถยนต์รุ่นนี้ ได้ถูกพัฒนาอย่างมากในหลายๆ ส่วน อาทิ ขนาดความกว้างของตัวรถที่ขยายกว้างขึ้น ช่วงล่างที่มีความสูงเพิ่มขึ้น เพลาขับใหม่ และทำการปรับแต่งองศาช่วงล่างใหม่หมดเพื่อให้ได้สมรรถนะสูงสุด ระบบควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ใหม่เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด และยังได้ติดตั้งเกียร์กึ่งอัตโนมัติพร้อมชุดคลัทช์ใหม่ จากการผสมผสานของการพัฒนาในจุดต่าง ๆ และการปรับแต่งอย่างพิถีพิถัน จึงทำให้รถคันนี้มีประสิทธิภาพการขับขี่สูงขึ้น