สิ้นสุดการรอคอย สำหรับ McLaren Artura ซูเปอร์คาร์ไฮบริด สมรรถนะสูง (High-Performance Hybird-HPH) รุ่นแรกของแมคลาเรน ออโตโมทีฟ ประเทศอังกฤษ ที่ได้อวดโฉมในไทยเป็นประเทศแรกของภูมิภาคอาเซียน ในราคา 16.7 ล้านบาท
McLaren Artura เป็นยนตรกรรมรุ่นแรกที่ใช้แพลตฟอร์มใหม่ล่าสุด McLaren Carbon Lightweight Architecture (MCLA) ซึ่งได้รับการปรับแต่งเป็นพิเศษให้สอดรับกับระบบส่งกำลังของซูเปอร์คาร์ไฮบริดสมรรถนะสูง (HPH) ที่มีโครงสร้างตัวถังน้ำหนักเบา ประกอบขึ้นด้วยคาร์บอนไฟเบอร์และอลูมิเนียมขณะที่อัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักอยู่ที่ 488 แรงม้า ต่อ 1 ตัวเท่านั้น (คำนวณจากน้ำหนักรถเปล่าที่ 1,395 กิโลกรัม)
ด้านเครื่องยนต์ M630 วี6 ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ วางกลางลำตัวรถ ให้กำลังสูงสุด 585 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 585 นิวตัน-เมตร ขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 95 แรงม้า และแรงบิด 225 นิวตัน-เมตร
เมื่อรวมประสิทธิผลของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า จะให้กำลังสูงสุดถึง 680 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 720 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังสู่ล้อหลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ SSG 8 จังหวะรุ่นใหม่ สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ 3.0 วินาที, 0-200 กม./ชม. ได้ 8.3 วินาที และ 0-300 กม./ชม. ได้ภายใน 21.5 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุด 330 กม./ชม.
สมรรถนะที่ยอดเยี่ยมของ McLaren Artura ยังเลือกโหมดการขับขี่ได้ ทั้ง Comfort, Sport และความเร้าใจขีดสุดแบบ Track modes ขณะเดียวกันในโหมด Electric ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 100% (EV) สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 130 กม./ชม.
McLaren Artura เป็นซูเปอร์คาร์ที่ประหยัดน้ำมันมากที่สุด ตั้งแต่แมคลาเรนผลิตรถมา ด้วยอัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ย 5.6 ลิตร/100 กม. และการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 129 กรัม/กม. (มาตรฐาน WLTP) ทั้งนี้ยังมาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนความจุ 7.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง (KWH) เมื่อชาร์จไฟเต็มสามารถวิ่งในโหมด EV โดยเครื่องยนต์ไม่ติดขึ้นมาเลยได้ระยะทาง 30 กิโลเมตร
การตกแต่งภายในที่เป็นเอกลักษณ์ ภายใต้ปรัชญาการออกแบบ “form follows function” เน้นประโยชน์ใช้สอยและผู้ขับสามารถควบคุมปุ่มสั่งงานได้ทั้งหมด พร้อมหน้าจอสัมผัสความละเอียดสูงขนาด 8 นิ้ว รองรับระบบอินโฟเทนเมนต์ และระบบช่วยขับขั้นสูง (ADAS) รวมถึงเทคโนโลยีการเชื่อมต่อสื่อสาร ระบบแชร์หน้าจอจากสมาร์ทโฟน (Smartphone Mirroring) และการอัปเดตข้อมูล – ระบบปฎิบัติการผ่านดาวเทียม (Over-The-Air หรือ OTA) ทั้งยังมีระบบติดตามยานพาหนะเมื่อถูกโจรกรรมอีกครั้ง (ออพชั่นนี้ขึ้นอยู่กับตลาดแต่ละประเทศ)
ในส่วนช่วงล่างได้รับการออกแบบใหม่ ด้านหน้าเป็นแบบปีกนกคู่ อลูมิเนียม ส่วนหลังใช้ปีกนกด้านบนและมัลติลิงค์ด้านล่าง พวงมาลัยผ่อนแรงด้วยไฮดรอลิกและระบบไฟฟ้า ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่พร้อมล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้วในคู่หน้า และขนาด 20 นิ้วคู่หลัง ประกบยางสมรรถนะสูง Pirelli P ZERO ด้านหน้า 235/35 ZR19 และหลัง 295/35 R20
McLaren Artura ซูเปอร์คาร์ไฮบริด จะวางตำแหน่งการทำตลาดระหว่าง รุ่น GT และ 720S โดยตั้งราคาขาย 16.7 ล้านบาท พร้อมการรับประกันตัวรถ 5 ปี หรือ 75,000 กม. และรับประกันแบตเตอรี่ 6 ปี หรือ 75,000 กม. (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน)