ในปี 2024 Tesla ได้ประสบกับการลดลงของยอดขายทั่วโลกเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงสำคัญในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก อย่างไรก็ตาม เทสลายังคงมีการเติบโตในตลาดจีน แม้ว่ายอดขายในตลาดอื่นๆ ทั่วโลกจะลดลง
ยอดขายของเทสลาในจีนเติบโตขึ้น 8.8% ในปี 2024
การเติบโตในตลาดจีนในปี 2024 ช่วยให้ Tesla ไม่ประสบปัญหายอดขายทั่วโลกลดลงมากเกินไป โดย Tesla ได้ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าในจีนจำนวน 657,000 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 8.8% จากปี 2023 และทำให้จีนเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงสุดในปีนี้ ถือเป็น 36.7% ของยอดขายทั่วโลกของ Tesla
การแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก
ในขณะเดียวกัน การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าโลกมีส่วนสำคัญที่ทำให้ยอดขายของ Tesla ลดลง โดยเฉพาะในยุโรปที่มีการลดลงของเงินอุดหนุนและการมาถึงของรถยนต์ไฟฟ้าจากแบรนด์จีนและเกาหลี ซึ่งส่งผลให้ยอดขายของ Tesla ในยุโรปลดลง 13.7% ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2024
BYD ท้าทายการครองตลาดของเทสลา
ในปี 2024, BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน ได้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่น่าประทับใจ โดยสามารถส่งมอบรถยนต์ได้ถึง 4.25 ล้านคัน และมีการเติบโตของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 12.1% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ทำให้ BYD เข้าใกล้ Tesla อย่างมากในการแข่งขันในตลาด EV
ความหวังของเทสลาใน Cybertruck
ในสหรัฐอเมริกา, Tesla ยังคาดหวังกับยอดขายจาก Cybertruck รถกระบะไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่มีดีไซน์สแตนเลสสตีลสุดล้ำ แต่ยอดขายของ Cybertruck กลับไม่เป็นไปตามคาดหวัง แม้ว่าจะเริ่มต้นได้ดีในช่วงแรก แต่เมื่อตลาดเริ่มซบเซาลง รถยนต์มือสองรุ่นนี้ก็พบว่าหาผู้ซื้อได้ยาก
เทสลาอาจต้องเผชิญกับการสูญเสียตำแหน่งผู้นำในตลาด EV
หากสถานการณ์นี้ยังคงดำเนินต่อไป, BYD อาจกลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่มีการขายสูงสุดในโลกในปี 2025 โดยแซงหน้า Tesla ซึ่งมียอดขายลดลงทั่วโลก
สรุป
ในปี 2024, การเติบโตในตลาดจีนช่วยให้ Tesla ยังคงรักษาตำแหน่งในฐานะผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอันดับหนึ่ง แต่การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในตลาดยุโรปและอเมริกาเหนือ รวมถึงยอดขายที่ไม่เป็นไปตามคาดของ Cybertruck อาจทำให้เทสลาเผชิญกับความท้าทายในอนาคต โดยมี BYD เป็นคู่แข่งสำคัญที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกในปี 2025.
Cr. insideevs