ไม่ต้องสงสัยเลยว่า Ford เป็นอีกหนึ่งบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่ให้ความสำคัญและเชื่อมั่นในเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เป็นอย่างมาก โดยพวกเขาได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าหลายรุ่นอย่าง Mustang Mach-E และรถกระบะ F-150 Lightning รวมถึงยังมีแผนการใช้งบประมาณมากถึง 5.6 พันล้านดอลลาร์ (2.1 แสนล้านบาท) เพื่อลงทุนสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแห่งใหม่ และปรับปรุงโรงงานเก่าเพื่อรองรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต
แต่ดูเหมือนว่าทาง Ford ยังคงให้ความสำคัญกับรถยนต์สันดาปภายในเช่นเดียวกัน เพราะล่าสุดพวกเขาได้ออกมาประกาศว่า ทางบริษัทจะยังคงให้ความสำคัญกับรถยนต์สันดาปภายในต่อไป เนื่องจากมีกลุ่มลูกค้าบางส่วนยังคงมีความต้องการและยอดขายรถยนต์สันดาปยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยฟอร์ดได้เล็งเห็นช่องว่างของรถยนต์สันดาปที่ในขณะนี้หลายๆบริษัทเลือกที่จะทิ้งรถยนต์เหล่านี้ และหันไปพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ตัวอย่างเช่น Dodge Charger รถมัสเซิลคาร์ที่เปลี่ยนเป็นขุมพลังไฟฟ้าเรียบร้อยแล้ว รวมถึงทาง GM ที่ออกมากล่าวว่าจะขายเฉพาะรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็น 0 ภายในปี 2035 ซึ่งทางฟอร์ดมองว่าพวกเขายังสามารถผลิตรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปมาแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดตรงนี้ได้
Ford Mustang เจนเนอเรชั่นที่ 7 ที่พึ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้ เป็นสิ่งที่ยืนยันทิศทางของฟอร์ดได้เป็นอย่างดี เพราะพวกเขายังคงเลือกใช้ขุมพลัง V8 แบบดั้งเดิมเหมือนเช่น Mustang เจนเนอเรชั่นก่อนๆ รวมถึงยังไม่มีการเพิ่มระบบไฮบริดเข้ามาในตัวเลือกเลยแม้แต่รุ่นเดียว
Kumar Galhotra ประธาน Ford Blue ได้กล่าวกับ CNN Business ว่า กลุ่มรถยนต์มัสเซิลคาร์ เป็นเซ็กเมนต์ที่ค่อนข้างเฉพาะเจาะจงและมีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมลดลงในอนาคต แต่คู่แข่งของเราเริ่มที่จะทยอยออกจากเซ็กเมนต์นี้ ซึ่งในจุดนี้นี่เองที่ทำให้พวกเรายังคงสามารถเติบโตได้ในรถยนต์กลุ่มนี้
โดยทาง Ford ยังไม่มีการออกมาแถลงถึงกำหนดการที่จะหยุดการผลิตรถยนต์สันดาปภายใน เหมือนกับรถยนต์หลายๆแบรนด์ที่ออกมาประกาศอย่างแน่ชัด แต่ในความเป็นจริงแล้วทางฟอร์ดเองก็ให้ความสำคัญและมีโปรเจกต์ที่จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าหลายรุ่นภายในไม่กี่ปีข้างหน้านี้
ขอบคุณข้อมูลจาก : carscoops.com