ในปี 2024 ยอดขายของ Ford ในยุโรปได้ลดลงอย่างรุนแรง ส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดของบริษัทในภูมิภาคนี้ลดลงเหลือเพียง 3.3% ซึ่งห่างจาก Hyundai และ Kia ที่ยังคงรักษาตำแหน่งที่ดีกว่า การตัดสินใจลดรุ่นรถหลายๆ รุ่น ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความต้องการของผู้บริโภคในตลาดยุโรป
ตามข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งยุโรป (ACEA) ยอดขายของ Ford ในปี 2024 ลดลงไปถึง 17% เมื่อเทียบกับปี 2023 โดยบริษัทขายรถได้เพียง 426,307 คันในสหภาพยุโรป (EU), สมาคมการค้าเสรียุโรป (EFTA), และสหราชอาณาจักร ซึ่งลดลง 87,174 คันจากปีที่แล้ว จุดเปลี่ยนที่สำคัญคือการยุติการผลิต Ford Fiesta ซึ่งเป็นโมเดลยอดนิยมที่หายไปจากตลาดในปี 2024
จากการลดรุ่นรถหลายคันในปีที่ผ่านมา ส่วนแบ่งตลาดของ Ford ในภูมิภาค EU+EFTA+UK ลดลงจาก 4% ในปี 2023 เหลือเพียง 3.3% ในปี 2024 โดยแบรนด์จากเกาหลีอย่าง Hyundai และ Kia ยังมีส่วนแบ่งตลาดสูงกว่าอยู่ที่ 4.1% ขณะที่ Renault และ Dacia ทำได้ดีกว่า Ford ด้วยส่วนแบ่งตลาด 4.5% และ 5.4% ตามลำดับ ส่วน Volkswagen (VW) ยังครองตำแหน่งผู้นำด้วยส่วนแบ่งตลาดถึง 10.6% โดย Toyota ตามมาในอันดับที่สองด้วยส่วนแบ่ง 7.2%
อนาคตของ Ford ในยุโรปยังไม่สดใส
การยุติการผลิต Ford Focus ซึ่งจะเกิดขึ้นในปี 2025 ยังสร้างความกังวลให้กับตลาด Ford ในยุโรป โดย Ford ตั้งเป้าหมายว่าจะยังคงผลิตเพียงรถบรรทุก, รถยนต์เชิงพาณิชย์, และ SUV/ครอสโอเวอร์ รวมทั้งโมเดลที่มีความโดดเด่นอย่าง Ford Mustang เท่านั้น การยุติ Focus ซึ่งมียอดขาย 85,366 คันในปีที่แล้ว อาจทำให้ Ford เสียลูกค้าจำนวนมากในตลาดยุโรป
ทำไม Ford ถึงตัดรุ่นรถออกมากมาย?
Jim Farley ซีอีโอของ Ford กล่าวว่า “เรากำลังจะออกจากธุรกิจรถยนต์ที่น่าเบื่อ และมุ่งเน้นไปที่การผลิตรถยนต์ที่มีเอกลักษณ์” แม้จะยอมรับว่า Fiesta และ Focus ได้รับความนิยมจากลูกค้าหลายคน แต่รุ่นเหล่านี้ไม่ทำกำไรเพียงพอที่จะคุ้มค่ากับการลงทุนใหม่ๆ ดังนั้น Ford จึงมุ่งเน้นไปที่การสร้างแบรนด์รถยนต์ออฟโรดที่มีเอกลักษณ์ โดยมีเป้าหมายที่จะเป็น “Porsche ของรถออฟโรด” โดยเฉพาะการพัฒนาแบรนด์ Tremor, Bronco และ Raptor ให้เติบโต
Ford ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า
Ford ยังได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ 2 รุ่นในยุโรป ได้แก่ Explorer และ Capri ซึ่งมีพื้นฐานมาจากแพลตฟอร์ม MEB ของ Volkswagen Group โดย Explorer มีพื้นฐานมาจาก ID.4 และ Capri มาจาก ID.5 อย่างไรก็ตาม การลดลงของส่วนแบ่งการตลาดของรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2024 ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาของ Ford โดยส่วนแบ่งของรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค EU+EFTA+UK ลดลงจาก 15.7% เป็น 15.4% และในเฉพาะสหภาพยุโรป การลดลงของรถยนต์ไฟฟ้ามีมูลค่าถึง 1% ทำให้หลายประเทศเริ่มยกเลิกหรือปรับลดสิทธิประโยชน์สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ส่งผลให้ผู้บริโภคต้องพิจารณาทางเลือกอื่นๆ
สรุป
Ford ต้องเผชิญกับความท้าทายในตลาดยุโรป โดยการตัดสินใจยุติการผลิตรุ่นรถสำคัญๆ เช่น Fiesta และ Focus ส่งผลกระทบโดยตรงต่อยอดขายและส่วนแบ่งตลาด แม้ว่าบริษัทจะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาแบรนด์ออฟโรดและรถยนต์ไฟฟ้า แต่สถานการณ์ในปี 2024 แสดงให้เห็นว่าการแข่งขันในตลาดรถยนต์ยุโรปนั้นยากลำบากมากขึ้นสำหรับ Ford ในขณะนี้
แหล่งที่มา : motor1