Fiat ยังคงเป็นแบรนด์ที่มียอดขายสูงสุดในกลุ่ม Stellantis ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 แม้ยอดจัดส่งจะลดลงประมาณ 11% ในปี 2024 เมื่อเทียบกับปี 2023 โดยมียอดขายทั่วโลกกว่า 1.2 ล้านคัน แม้ยอดขายในสหรัฐอเมริกาจะลดลงอย่างมาก โดยขายได้เพียง 1,528 คันเท่านั้น และยอดขายในยุโรป รวมถึง EFTA และสหราชอาณาจักรก็ลดลง 20.4% เหลือเพียง 304,066 คัน ซึ่งตัวเลขนี้รวมถึงรถยนต์จากแบรนด์ Abarth ด้วย

แล้วทำไม Fiat ถึงยังเป็นแบรนด์ยอดนิยมที่สุดใน Stellantis ทั้งที่ยอดขายในบางประเทศลดลงอย่างมาก? คำตอบอยู่ที่ตลาดอื่น ๆ โดยเฉพาะในบราซิล ซึ่ง Fiat มียอดขายสูงสุดในปี 2024 ด้วยยอดขายกว่า 521,000 คัน คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 43.42% ของยอดขายทั้งหมดของ Fiat ในปี 2024 บราซิลเป็นตลาดที่ Fiat ครองส่วนแบ่งตลาดมากถึง 20.9% โดยมีรุ่น Strada รถกระบะขนาดเล็กเป็นตัวช่วยหลัก ทำยอดขายได้ถึง 144,000 คัน คิดเป็น 27.64% ของยอดขายทั้งหมดในบราซิล

Fiat ยังรักษาความเป็นผู้นำในตลาดบ้านเกิดที่อิตาลี โดยมียอดขายกว่า 190,000 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 10.8% แม้ว่า Panda รถขนาดเล็กที่มีอายุมากถึง 14 ปีแล้ว แต่ก็ยังได้รับความนิยมอย่างสูงในอิตาลี โดยมียอดขายถึง 102,000 คันในปี 2024

ในตุรกี Fiat ยังสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำได้ด้วยส่วนแบ่งตลาด 11.2% จากความสำเร็จของรุ่น Egea/Tipo (ยอดขายกว่า 84,000 คัน) และรุ่น Fiorino van (ยอดขายกว่า 25,000 คัน) ในขณะที่ในแอลจีเรีย Fiat ขายรถได้กว่า 64,000 คัน โดยมีรุ่น Doblo commercial vehicle เป็นตัวหลักที่ขายได้ถึง 27,000 คัน ทำให้ Fiat มีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 62%

ในอนาคต Fiat ยังมีโอกาสเติบโตต่อไป โดยจะมีการเปิดตัว Grande Panda ใหม่ในตลาดยุโรปในปีนี้ ตามด้วย 500 รุ่นใหม่ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ที่ผสมกับพลังงานไฮบริดในปี 2026 แม้ว่า 500e แบบไฟฟ้าจะไม่ได้รับความนิยมมากนักในปีที่ผ่านมา และ Stellantis ต้องหยุดการผลิตไปหลายครั้งเนื่องจากความต้องการที่ต่ำ นอกจากนี้ Fiat ยังมีแผนที่จะเปิดตัว “Giga Panda” ที่มีขนาดตัวถังยาวขึ้นพร้อมที่นั่ง 7 ที่นั่ง และรุ่น Fastback ในช่วงครึ่งหลังของทศวรรษนี้

การเติบโตของ Fiat ในตลาดที่สำคัญ เช่น บราซิล และอิตาลี ชี้ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในบางภูมิภาค แม้ว่าในตลาดยุโรปและสหรัฐอเมริกายังมีความท้าทายรออยู่ แต่กับแผนการเปิดตัวรถใหม่ในอนาคต การเติบโตของแบรนด์ Fiat น่าจะยังคงมีความหวังในตลาดโลก.

Cr. motor1