Ferrari 296 Speciale คือวิวัฒนาการล่าสุดของซูเปอร์คาร์ขุมพลัง V6 ปลั๊กอินไฮบริดจากมาราเนลโล ที่แบรนด์อ้างว่าเป็น “รถที่ขับสนุกและมีอารมณ์มากที่สุด” เท่าที่เคยผลิตมา โดยรุ่นนี้เป็นเวอร์ชันสมรรถนะสูงของ 296 GTB ซึ่งมีการปรับจูนใหม่ทั้งระบบส่งกำลัง ช่วงล่าง และแอโรไดนามิก

จุดเด่นสำคัญคือ การมีค่า Polar Moment of Inertia ต่ำที่สุดในบรรดา Ferrari รุ่นปัจจุบัน ซึ่งหมายความว่า ตัวรถตอบสนองต่อการเลี้ยวและการถ่ายน้ำหนักได้ไวมาก และเหนือสิ่งอื่นใด — มันคือ รถขับเคลื่อนล้อหลังที่ทรงพลังที่สุด ของ Ferrari ในยุคนี้

พละกำลัง 868 แรงม้า – เร็วกว่า LaFerrari ที่ Fiorano

เครื่องยนต์ V6 ขนาด 2.9 ลิตร ทวินเทอร์โบ ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ axial-flux ให้พลังรวม 868 แรงม้า และแรงบิด 557 ปอนด์-ฟุต ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 8 จังหวะและระบบ e-LSD ขับเคลื่อนล้อหลังเพียงอย่างเดียว

แม้จะมีพลังระดับทำลายล้าง แต่หัวหน้าทดสอบ Raffaele de Simone ยืนยันว่า 296 Speciale “ยังคงควบคุมได้อย่างสมบูรณ์” — และเมื่อทีมทดสอบได้ขับที่สนาม Fiorano ก็พบว่าแรงมหาศาลนี้ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างนุ่มนวลและแม่นยำเกินคาด

Ferrari ระบุว่า 296 Speciale สามารถทำเวลาในสนาม Fiorano ได้เร็วกว่าซูเปอร์คาร์ระดับตำนานอย่าง LaFerrari ด้วยซ้ำ

การออกแบบและแอโรไดนามิก: มากกว่าแค่สวย

ดีไซน์ของ 296 Speciale มีการปรับแต่งเพื่อเพิ่มแรงกดมากกว่า 488 Pista ถึง 30% และมากกว่า 296 GTB ราว 20% โดยยังคงรักษาความสง่างามในแบบ Ferrari

ส่วนท้ายรถมี ปีกขนาดเล็ก (winglets) และสปอยเลอร์หลังแบบ Active Pop-up ที่พัฒนาใหม่ให้ปรับระดับได้สามโหมด (Low Drag / Mid Downforce / High Downforce) ทำงานได้เร็วกว่าใน GTB ถึง 50% ช่วยสร้างแรงกดรวม 435 กก. ที่ความเร็ว 155 ไมล์/ชม.

ระบบ S-Duct ด้านหน้าช่วยเสริมแรงกดและคงความสมดุลของอากาศขณะเปลี่ยนระดับความสูง ช่วยให้การเข้าโค้งมั่นคงและแม่นยำขึ้น

ห้องโดยสาร: ดิบ เรียบ แต่ยังหรูในแบบ Ferrari

ภายในยังคงพื้นฐานจาก 296 GTB แต่ถูก “ปลดของฟุ่มเฟือย” ออกไปเกือบหมด เพื่อความเบาและโฟกัสในการขับขี่

• พวงมาลัยเปลี่ยนกลับมาใช้ปุ่มกดจริงแทนระบบสัมผัส
• เบาะคาร์บอนไฟเบอร์แบบ Tubular น้ำหนักเบากว่าปกติ 25% และนั่งสบายกว่าที่คาด
• พื้นอะลูมิเนียมเปลือย ไม่มีพรม
• แผงประตูคาร์บอนแบบไม่มีช่องเก็บของหรือกล่องเก็บของกลาง

แม้จะดู Spartan แต่ทุกองค์ประกอบถูกออกแบบเพื่อ “คนขับ” อย่างแท้จริง

สมรรถนะและเทคโนโลยีการขับขี่

Ferrari ยังคงใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเดิมจาก 296 GTB พร้อมแบตเตอรี่ 7.5 kWh ที่ติดตั้งหลังเบาะ ซึ่งสามารถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนในโหมด Hybrid ได้อย่างเงียบสงบ

แต่เมื่อเลือกโหมด Performance หรือ Qualify, ระบบจะปลดพลังเสริมพิเศษที่เรียกว่า Extra Boost ให้มอเตอร์ไฟฟ้าเพิ่มแรงม้าชั่วขณะสูงสุดถึง 178 แรงม้า ช่วยดึงรถออกจากโค้งได้รวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ

เกียร์ DCT 8 จังหวะถูกปรับจูนให้ “เตะหลัง” ชัดเจนขึ้นในโหมด Sport หรือ Race เพื่อให้ฟีลการเปลี่ยนเกียร์ดุดันแบบรถแข่ง GT3

ช่วงล่างและการควบคุม: สมดุลระหว่างสนามแข่งและถนนจริง

Ferrari เสนอช่วงล่างสองแบบ ได้แก่

• Multimatic Fixed Dampers พร้อมสปริงไทเทเนียม (เน้นสนามแข่ง)
• Magneride Adaptive Dampers พร้อมโหมด Bumpy Road (เน้นถนนจริง)

รุ่นทดสอบบนถนนใช้ Magneride ซึ่งให้การทรงตัวที่แน่นและ “ไหลลื่น” ตามสไตล์ Ferrari แม้บนถนนขรุขระของอิตาลี

แม้พวงมาลัยตอบสนองไวและตัวรถพร้อมจะ “หมุนท้าย” ทุกเมื่อ แต่การควบคุมยังให้ความมั่นใจสูง ไม่ต้องเป็นนักแข่งก็สามารถสัมผัสความเร้าใจได้

บทสรุป: Ferrari 296 Speciale – อารมณ์และเทคนิคที่มาบรรจบกัน

แม้จะไม่บริสุทธิ์เท่า 458 Speciale ในยุคเครื่องยนต์ล้วน แต่ 296 Speciale คือการตีความ “ความพิเศษ” แบบยุคใหม่ — ผสมผสานเทคโนโลยีไฮบริดและความสนุกแบบอะนาล็อกเข้าไว้ในคันเดียว

มันเร็วกว่า LaFerrari เบากว่า GTB และขับสนุกกว่าที่ตัวเลขบอกไว้ ที่สำคัญคือ มันทำให้คนขับ “ยิ้ม” ได้ทุกครั้งที่เหยียบคันเร่ง

“อาจจะไม่ใช่ Ferrari ที่เบาที่สุด หรือแรงที่สุด แต่แน่นอนว่ามันคือ Ferrari ที่ขับแล้ว ‘มีชีวิตชีวา’ ที่สุดในยุคนี้”

ข้อมูลทางเทคนิค Ferrari 296 Speciale (2025)

Cr.autocar