ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา “รถยนต์ไฟฟ้า” ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย โดยเฉพาะเมื่อภาครัฐมีนโยบายสนับสนุนรถยนต์พลังงานสะอาดอย่างจริงจัง ทั้งในรูปแบบของส่วนลดภาษีและเงินอุดหนุน ทำให้ผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยเริ่มหันมาสนใจและตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าแทนรถที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงแบบดั้งเดิม โดยในปี 2024 BYD Dolphin 13,386 คัน ถือเป็นจำนวนที่ไม่น้อยสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ ที่หลายๆ คน ยังไม่กล้าตัดสินใจเลือกใช้
BYD Dolphin รถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในปี 2024 ด้วยยอดขาย 13,386
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่กระแสรถยนต์ไฟฟ้ากำลังเติบโต เราก็เริ่มเห็นข่าวคราวเกี่ยวกับ “รถยนต์ไฟฟ้าไฟไหม้” มากขึ้นในสื่อ ซึ่งหลายกรณีเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด โดยไม่มีการชนหรืออุบัติเหตุมาก่อน ยกตัวอย่างเช่น Porsche Taycan Turbo ที่เกิดเหตุไฟลุกไหม้ขณะจอดอยู่ด้านหน้าโชว์รูม โดยไม่ทราบสาเหตุ เมื่อช่วงกลางปี 2024 ที่ผ่านมา ทำให้เกิดความสงสัยและกังวลในหมู่ผู้ใช้รถว่า สาเหตุที่แท้จริงของไฟไหม้นั้นเกิดจากอะไร โดยในบทความนี้ เราจะมาวิเคราะห์ถึงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดไฟไหม้ ว่าจะมีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง
-
ปัญหาจากแบตเตอรี่
หัวใจสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้าคือ “แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน” ซึ่งเก็บพลังงานไฟฟ้าจำนวนมาก หากแบตเตอรี่มีข้อบกพร่อง หรือมีการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจทำให้เกิด “การลัดวงจร” ภายในเซลล์แบตเตอรี่ ส่งผลให้เกิดความร้อนสะสม และลุกลามจนกลายเป็นไฟไหม้ได้ บางกรณี แบตเตอรี่มีการเสียหายจากการกระแทก หรือถูกเจาะจากอุบัติเหตุเล็กๆ แต่ไม่ได้ตรวจสอบหรือเปลี่ยนทันที ก็อาจเกิดการลุกไหม้ในภายหลังโดยไม่ทันตั้งตัว
-
ระบบการชาร์จไฟฟ้าผิดพลาด
การชาร์จไฟถือเป็นช่วงเวลาเสี่ยงสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า หากใช้เครื่องชาร์จที่ไม่ได้มาตรฐาน เดินระบบไฟภายในบ้านไม่ถูกต้อง หรือการเลือกใช้อุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจเกิด “โหลดเกิน” หรือ “แรงดันไฟไม่คงที่” ทำให้อุปกรณ์ภายในรถทำงานผิดปกติ หรือแบตเตอรี่เกิดความร้อนสูงผิดปกติ โดยเฉพาะในบ้านเรือนที่ไม่มีระบบกราวด์ไฟฟ้า หรือเดินสายแบบเก่า การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในบ้านจึงควรปรึกษาช่างไฟฟ้ามืออาชีพก่อนติดตั้งอุปกรณ์ชาร์จทุกครั้ง
-
ความผิดพลาดทางเทคนิคของตัวรถ
แม้รถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่จะมาพร้อมระบบความปลอดภัยขั้นสูง แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ข้อบกพร่องทางเทคนิค หรือซอฟต์แวร์ที่ควบคุมระบบแบตเตอรี่อาจมีโอกาสล้มเหลว ตัวอย่างเช่น ระบบ BMS (Battery Management System) ทำงานผิดพลาด ส่งผลให้ ระบบระบายความร้อนของแบตเตอรี่ไม่ทำงาน ระบบเซนเซอร์ตรวจจับความร้อนล่าช้า หรือแม้แต่การอัปเดตซอฟต์แวร์ที่ล่าช้า อาจทำให้ไม่สามารถควบคุมความร้อนที่สะสมในแบตเตอรี่ได้ทันเวลา
-
สภาพแวดล้อมขณะชาร์จ
สภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น การชาร์จรถในบริเวณที่มีอุณหภูมิสูงจัด, มีความชื้นมาก, หรือมีวัตถุไวไฟอยู่ใกล้จุดชาร์จ อาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดไฟไหม้ได้ โดยเฉพาะในหน้าร้อนของประเทศไทย ที่บางพื้นที่อุณหภูมิพุ่งเกิน 40 องศาเซลเซียส การชาร์จรถกลางแดดหรือในโรงรถที่ระบายอากาศไม่ดี เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
ป้องกันไว้ดีกว่าเกิดเหตุ
แม้รถยนต์ไฟฟ้าจะมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยและปลอดภัยในระดับสูง แต่ก็ไม่อาจละเลยความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ในบางสถานการณ์ การใช้งานอย่างระมัดระวัง และใส่ใจในเรื่องต่อไปนี้สามารถช่วยลดความเสี่ยงได้มาก:
- ใช้เครื่องชาร์จและอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน
- ตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ
- ไม่จอดรถชาร์จไว้กลางแดดหรือในพื้นที่ปิดทึบ
- หมั่นอัปเดตซอฟต์แวร์ของรถตามที่ผู้ผลิตแนะนำ
- หลีกเลี่ยงการดัดแปลงระบบไฟฟ้าภายในรถ
สุดท้ายนี้ รถยนต์ไฟฟ้าก็เหมือนกับเทคโนโลยีทุกชนิดที่มีทั้งข้อดีและข้อควรระวัง หากใช้งานอย่างถูกวิธีและใส่ใจในเรื่องความปลอดภัย ก็จะสามารถใช้งานได้อย่างมั่นใจและยั่งยืนในระยะยาว