ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โลกโซเชียลในวงการรถยนต์ไฟฟ้า (EV) กำลังร้อนระอุ เมื่อมีผู้ใช้งานและครีเอเตอร์จำนวนหนึ่งออกมาเปิดโปงพฤติกรรมของเพจกลุ่ม EV มากกว่า 20 เพจ ที่เบื้องหลังเป็นทีมงานเดียวกันหมด พร้อมเผยพฤติกรรมที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าไม่โปร่งใส และอาจเข้าข่ายแสวงหาผลประโยชน์จากทั้งผู้ติดตามและเซลส์ขายรถยนต์
สรุปประเด็นร้อน: พฤติกรรมที่ถูกตั้งคำถามจากกลุ่มเพจ EV
1. เก็บ “ค่าต๋ง” จากเซลส์รถยนต์
แหล่งข่าวระบุว่า แอดมินเพจหลายเพจมีพฤติกรรมเรียกเก็บค่าต๋งหรือค่าหัวคิวจากเซลส์รถยนต์ หากต้องการให้โพสต์ขายรถในกลุ่มของตน ซึ่งเซลส์หลายรายยอมจ่ายเพราะสามารถปิดการขายได้ง่ายจากฐานผู้ติดตามที่เชื่อมั่นในเพจ
2. ควบคุมการรีวิว-บล็อกผู้ใช้ที่วิจารณ์
ผู้ใช้งานบางรายถูกบล็อกจากการแสดงความคิดเห็นหรือแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับปัญหารถยนต์ไฟฟ้า หากไม่จ่ายเงินให้แอดมินเพื่อโพสต์รีวิวได้ โดยเนื้อหาที่เป็นเชิงลบหรือแสดงข้อเสียของรถจะถูกลบหรือซ่อนจากเพจทันที เพื่อรักษาภาพลักษณ์และไม่ให้เสียผลประโยชน์จากสปอนเซอร์
3. ขโมยเนื้อหา (Content) จากครีเอเตอร์
มีรายงานว่าบางเพจนำเนื้อหาจากผู้สร้างคอนเทนต์รายอื่นไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยไม่ให้เครดิตหรือแม้แต่ติดต่อขออนุญาต ทำให้กลุ่มครีเอเตอร์ในวงการรถยนต์เริ่มรวมตัวกันต่อต้านการกระทำดังกล่าว
สื่อและหน่วยงานเริ่มขยับตัว
ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ไม่ได้อยู่แค่ในหมู่ผู้ใช้งานทั่วไป แต่ยังลุกลามไปถึงสื่อสายยานยนต์ที่เริ่มตั้งคำถามกับความน่าเชื่อถือของเพจกลุ่มดังกล่าว ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าข้อมูลบางส่วนถูกส่งต่อไปยังกรมสรรพากร เพื่อให้ตรวจสอบการเสียภาษีของผู้ที่มีรายได้จากกิจกรรมในกลุ่มเหล่านี้
ผลกระทบต่อวงการรถ EV และผู้บริโภค
ดราม่าครั้งนี้อาจเป็นสัญญาณเตือนว่า ความน่าเชื่อถือของข้อมูลในโลกออนไลน์กำลังถูกท้าทายอีกครั้ง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ผู้บริโภคต้องใช้ข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อสินค้าอย่างรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมีมูลค่าสูงและเทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
Cr. x