fbpx

พาเจาะลึก 5 จุดเด่น Tiger 900 GT และ Tiger 900 GT Pro รถจักรยานยนต์ทัวริ่งแอดเวนเจอร์ขนานแท้

หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบรถจักรยานยนต์อเนกประสงค์ที่พร้อมลุยได้ทุกสภาพถนน ขอแนะนำเจ้าสองล้อ “ไทเกอร์ 900 จีที” (Tiger 900 GT) และ “ไทเกอร์ 900 จีที โปร” (Tiger 900 GT Pro) จากไทรอัมพ์ไว้เป็นตัวเลือก

โดยทั้ง 2 รุ่นเป็นรถจักรยานยนต์ที่ได้รับการรังสรรค์ขึ้น เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่ที่มีความชื่นชอบแนวผจญภัยแต่ยังสามารถขับขี่ในเมืองได้เป็นอย่างดี พร้อมกันนี้จะพาทุกคนไปชม 5 จุดเด่นของ Tiger 900 GT และ Tiger 900 GT Pro ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นรถจักรยานยนต์สไตล์แอดเวนเจอร์ขนาดกลางที่มีความปราดเปรียวและมีความคล่องตัวในทุกการขับขี่

โครงรถใหม่แบบ modular

Tiger 900 ทั้งสองรุ่นมาพร้อมโครงรถที่ถูกออกแบบขึ้นใหม่เป็นการผสมผสานกันของโครงรถแบบ modular ที่มีน้ำหนักเบา โครงรถขนาดเล็กลงที่ถูกออกแบบขึ้นใหม่ ขณะที่ความกว้างของตัวรถที่แคบลงดูปราดเปรียวมากขึ้น ประกอบกับโครงรถด้านหน้าที่โปร่งขึ้น จากการพัฒนานี้ทำให้น้ำหนักของตัวรถเบาลงกว่ารุ่นก่อนถึง 5 กิโลกรัม รวมไปถึงขนาดและรูปแบบตัวถังน้ำมันอันเป็นเอกลักษณ์ขนาด 20 ลิตร เพื่อความสามารถในการเดินทางที่ก้าวล้ำกว่าเดิม

พร้อมพลิกโฉมเครื่องยนต์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ

Tiger 900 GT และ Tiger 900 GT Pro ด้วยเครื่องยนต์ 3 สูบ ขนาด 900 ซีซี ใหม่ล่าสุด ส่งมอบแรงบิด 87 นิวตันเมตร ที่ 7,250 รอบต่อนาที และให้แรงม้าสูงสุด 95 แรงม้า ที่ 8,750 รอบต่อนาที พร้อมขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์ 6 สปีด

เทคโนโลยีเสริมการขับขี่อันทันสมัยจัดเต็ม

เพื่อการขับขี่ในเมือง หรือรองรับการเดินทางไกลที่มากกว่าเดิม ทั้งหน้าจอเรือนไมล์ TFT ขนาด 7 นิ้วแบบ ใหม่ ระบบ ABS ในการเข้าโค้งด้วยระบบตรวจจับแรงเฉื่อย IMU ระบบไฟส่องสว่าง LED ใหม่ มาพร้อมกับไฟหน้า DRL ที่เก็บโทรศัพท์มือถือพร้อมช่องเสียบชาร์จ USB ปุ่มสวิตช์เรืองแสงที่บังคับได้ 5 ทิศทาง ระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบอิเล็กทรอนิกส์ และแฮนด์บังคับปรับความร้อนได้ (Heated Grips) เป็นต้น

สำหรับรุ่น GT Pro จะมาพร้อมกับระบบ Triumph Shift  Assist ใหม่ ช่วยเปลี่ยนเกียร์ขึ้นลงไม่ต้องบีบคลัตช์ และสามารถเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชัน My Triumph เพื่อการใช้งานโทรศัพท์ เล่นเพลง ระบบนำทางแบบ turn-by-turn และการควบคุมกล้อง GoPro โดยสามารถเข้าถึงระบบได้จากปุ่มกดและแสดงผลบนหน้าจอ TFT ขนาด 7 นิ้ว รวมถึงไฟตัดหมอกเสริม LED เบาะนั่งปรับความร้อนได้ทั้งผู้ขับขี่และเบาะผู้โดยสาร และระบบควบคุมแรงดันลมยาง (TPMS) เสริมเข้ามา

ระบบความปลอดภัยชั้นนำ

ด้านคุณลักษณะเฉพาะของระบบกันการสั่นสะเทือน พร้อมส่งมอบความเป็นไทเกอร์ที่ควบคุมได้ดีกว่าเคยด้วยโช้ค Marzocchi ขนาด 45 มิลลิเมตร โดยในรุ่น GT Pro จะเป็นโช้คหลังแก๊สที่ปรับตั้งค่าได้ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ อีกทั้งมั่นใจไปอีกขั้นด้วยดิสเบรกหน้าแบบคู่ขนาด 320 มิลลิเมตร และดิสเบรกหลังเดี่ยว ขนาด 255 มิลลิเมตร จาก Brembo ช่วยให้การควบคุมรถโดดเด่นและมีประสิทธิภาพสำหรับการขับขี่ในทุกรูปแบบ

Tiger 900 GT Pro มาพร้อมกับโหมดการขับขี่สูงสุด 5 โหมด ได้แก่ Rain, Road, Sport, Off-Road และ Rider และไทเกอร์ 900 จีที (Tiger 900 GT) มาพร้อมกับโหมดการขับขี่ 4 โหมด ได้แก่ Rain, Road และ Sport และ Off-Road

อุปกรณ์ตกแต่งเสริมเพื่อไทเกอร์ 900 ตามสไตล์ผู้ขับขี่

อุปกรณ์เสริมของแท้จากไทรอัมพ์กว่า 65 รายการที่ถูกออกแบบมาควบคู่กับตัวรถเพื่อให้สามารถตกแต่งเข้าชุดกันได้อย่างลงตัว และมีคุณภาพ โดยมีชุดเก็บสัมภาระใหม่ 2 แบบเป็นการร่วมมือกับ Givi โดยในชุด Trekker จะเป็นกระเป๋าสัมภาระแบบเปิดด้านข้างพร้อมกล่องเก็บหมวกกันน็อคด้านหลังขนาด 52 ลิตร ส่วนชุด Expedition จะเป็นกระเป๋าสัมภาระแบบเปิดจากด้านบนติดตั้งคู่กับกล่องสัมภาระด้านหลังขนาด 42 ลิตร

นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ตกแต่งอื่นๆ ที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัย สไตล์ ความสามารถในการขับขี่และความสะดวกสบายในการเดินทางทุกรูปแบบ ทั้งนี้ Tiger 900 GT ราคา 549,000 บาท และ Tiger 900 GT Pro ราคา 639,000 บาท มีให้เลือก 3 สี ให้เลือกสรร ได้แก่ Korosi Red, Sapphire Black และ Pure White ซึ่งทุกสีจะมีตราสัญลักษณ์ติดที่ตัวถังสุดพรีเมี่ยม


 

บทความที่น่าสนใจ

Toyota ยอมรับได้เริ่มศึกษาการใช้ Generative AI เข้ามาช่วยออกแบบรถยนต์แล้ว

idiot

Nissan เปิดตัวเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ เพิ่มประสิทธิภาพในการหลีกเลี่ยงการชน

idiot

ขับรถทางไกล ควรเติมลมยางให้ “อ่อน” หรือ “แข็ง” กันแน่..?

idiot

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy