หลังจากสร้างสถิติใหม่ในรุ่น ‘Open Class’ ด้วย SuperVan 4.2 ปี 2023 และคว้าชัยชนะด้วย F-150 Lightning Supertruck ในปีที่ผ่านมา Ford เตรียมส่งรถแข่งไฟฟ้ารุ่นใหม่ Super Mustang Mach-E ลงลุยศึกปีนี้อีกครั้งบนเส้นทางปีนเขา Pikes Peak ที่มีความโหดหิน
Ford เผยว่า Super Mustang Mach-E รุ่นล่าสุดนี้ “เพรียวกว่า เบากว่า และเฉียบคมกว่า” รุ่นก่อนหน้า ซึ่งเมื่อดูสเปกจริง ๆ ต้องบอกว่าโหดจนต้องสะดุ้ง
จุดเด่นสำคัญคือขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าทั้ง 3 ตัว ที่ให้กำลังสูงถึง 1,400 แรงม้า (bhp) เหมือนกับรถแข่งรุ่นก่อน ๆ ใช้แบตเตอรี่ความจุ 50 kWh พร้อมระบบไฟฟ้าแรงดันสูง 800 โวลต์ ที่ช่วยส่งพลังและการชาร์จไฟอย่างมีประสิทธิภาพ
อีกหนึ่งไฮไลต์คือระบบเบรกชาร์จพลังงาน (regenerative braking) ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ให้สามารถสร้างแรงเบรกไฟฟ้าได้สูงถึง 710 กิโลวัตต์ ซึ่งสำคัญมากสำหรับการควบคุมรถบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยโค้งกว่า 156 โค้งในระยะทางกว่า 12 ไมล์
ในส่วนของน้ำหนัก Ford ประกาศว่า Super Mustang Mach-E เบากว่า F-150 Lightning Supertruck รุ่นก่อนถึง 113 กิโลกรัม แม้ว่าน้ำหนักของรุ่น Supertruck จะไม่เคยเปิดเผยอย่างเป็นทางการ แต่ก็น่าจะเบากว่ารถกระบะ F-150 Lightning รุ่นมาตรฐานที่มีน้ำหนักราว 2.7 ตันอย่างชัดเจน
ในเรื่องของแรงกดลงถนน (downforce) ต้องบอกว่าระดับนี้ไม่ธรรมดา เพราะ Super Mustang Mach-E สามารถสร้างแรงกดลงถึง 3,130 กิโลกรัม ที่ความเร็ว 150 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 241 กม./ชม.) ได้ด้วยชุดอุปกรณ์แอโรไดนามิกสุดโหด ทั้งสปลิตเตอร์หน้าที่ทำหน้าที่ได้เหมือนกับพลั่วตักหิมะ, ดิฟฟิวเซอร์หลังที่ดูดอากาศรุนแรงดุจหลุมดำ และแน่นอนว่าปีกหลังขนาดใหญ่ที่ช่วยเสริมแรงกดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับคนขับที่รับหน้าที่พาเจ้า Super Mustang Mach-E คันนี้ไต่ขึ้นยอดเขา Pikes Peak คือ รอแมง ดูมัส (Romain Dumas) นักแข่งระดับตำนานที่เคยคว้าแชมป์ Pikes Peak มาแล้ว 5 สมัย พร้อมทั้งประสบความสำเร็จในการแข่งระดับโลกอย่าง 24 ชั่วโมง Le Mans, Spa และ Nürburgring เรียกได้ว่ามือดีระดับโลกคอยควบคุมพละกำลังมหาศาลของรถคันนี้
สรุปแล้ว Ford Super Mustang Mach-E คือรถแข่งไฟฟ้าสายพันธุ์โหด ที่พร้อมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่บนเส้นทางปีนเขาที่ท้าทายที่สุดในโลก Pikes Peak 2024 ครั้งนี้
Cr.topgear