ปี 2568 เป็นอีกปีที่หลายพื้นที่ในประเทศไทย โดยเฉพาะภาคใต้และอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ต้องเผชิญความเสี่ยงน้ำท่วมฉับพลันและฝนตกหนัก จากสภาพอากาศแปรปรวนและร่องมรสุมที่รุนแรงขึ้น ทำให้เจ้าของรถจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับ “ประกันน้ำท่วมรถยนต์” มากกว่าที่เคย
บทความนี้สรุปข้อมูลสำคัญที่ควรรู้ก่อนซื้อประกันน้ำท่วม และวิธีปฏิบัติตัวเมื่อรถถูกน้ำท่วม เพื่อช่วยลดความเสียหายและเพิ่มโอกาสการเคลมให้เร็วขึ้น

ประกันน้ำท่วมรถยนต์ 2568 คุ้มครองอย่างไร?
ความคุ้มครองกรณีน้ำท่วมจะอยู่ในหมวด “ภัยธรรมชาติ” ซึ่งแต่ละประกันมีระดับความคุ้มครองแตกต่างกัน ดังนี้
ประกันที่คุ้มครองน้ำท่วมแน่นอน
ประกันรถยนต์ชั้น 1 ครอบคลุมความเสียหายจากน้ำท่วมทุกกรณี เช่น
- รถถูกน้ำท่วมขณะจอด
- เครื่องยนต์ดับจากการขับลุยน้ำ
- ระบบไฟฟ้า ชุดสายไฟ ECU เสียหาย
- ห้องเครื่องน้ำเข้า
จึงถือเป็นประกันที่เหมาะกับพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมอย่างหาดใหญ่ที่สุด
ประกันที่อาจคุ้มครองน้ำท่วม ต้องตรวจสอบเพิ่ม
ประกัน 2+ และ 3+ บางบริษัทในปี 2568 มีการเพิ่มแพ็กเกจ “ภัยน้ำท่วม” แบบซื้อเสริม หากไม่ได้ซื้อเพิ่ม อาจไม่คุ้มครอง
ประกันที่ไม่คุ้มครองน้ำท่วม
- ประกันชั้น 2
- ประกันชั้น 3
- ประกันชั้น 3+ แบบพื้นฐานที่ไม่มีแพ็กเสริม
รวมถึงกรณีที่เจ้าของรถ “สตาร์ทรถทั้งที่ห้องเครื่องยังมีน้ำขัง” บริษัทอาจปฏิเสธเคลมเพราะถือว่าเป็นความเสียหายที่เกิดจากการใช้งานผิดวิธี
ทำไมปี 2568 ต้องให้ความสำคัญกับประกันน้ำท่วมมากเป็นพิเศษ?

ข้อมูลจากหน่วยงานอุตุนิยมวิทยาชี้ว่า ปีนี้มีโอกาสที่
- ร่องมรสุมจะพาดผ่านภาคใต้บ่อยกว่าปีที่ผ่านมา
- ฝนตกหนักหลายวันต่อเนื่อง
- น้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ลุ่มต่ำ เช่น หาดใหญ่
หาดใหญ่เคยเกิดน้ำท่วมใหญ่หลายครั้ง เช่น ปี 2543 และ 2553 ทำให้บริษัทประกันหลายแห่งเข้มงวดมากขึ้น อาจมี
- ค่าเบี้ยสูงขึ้น
- เงื่อนไขเฉพาะพื้นที่เสี่ยง
- การตรวจสภาพรถก่อนรับประกัน
ค่าเบี้ยประกันน้ำท่วม 2568 ประมาณเท่าไร?
ราคาขึ้นอยู่กับรุ่นรถ ปีรถ ทุนประกัน และพื้นที่ใช้งาน โดยหาดใหญ่มักถูกจัดเป็น “โซนเสี่ยง”
|
ประเภทประกัน |
ความคุ้มครองน้ำท่วม |
ช่วงราคา (ประมาณ) |
|---|---|---|
|
ชั้น 1 |
ครอบคลุม 100% |
12,000 – 25,000 บาท |
|
ชั้น 2+ |
บางบริษัทคุ้มครอง |
7,900 – 12,500 บาท |
|
ชั้น 3+ |
ขึ้นกับแพ็กเสริม |
6,500 – 10,000 บาท |
เลือกประกันน้ำท่วม 2568 อย่างไรให้คุ้ม?
1) ตรวจให้ชัดว่าคุ้มครองน้ำท่วมหรือไม่
มองหาคำว่า
- ภัยธรรมชาติ
- น้ำท่วม
- น้ำขัง
- ระบบไฟฟ้าชำรุดจากน้ำ
2) ดูเพดานการเคลม
บางบริษัทกำหนด
- เคลมได้ไม่เกิน xx% ของทุนประกัน
- มีค่าเสียหายส่วนแรก (Deduct)
3) ระวังเงื่อนไขสำคัญ
เช่น
- ห้ามสตาร์ทรถหลังน้ำท่วม
- ไม่คุ้มครองกรณีเปิดประตูให้น้ำเข้า
- รถดัดแปลงบางประเภทอาจไม่คุ้มครอง
4) เลือกบริษัทที่บริการดีในภาคใต้
แบรนด์ที่เด่นด้านประกันน้ำท่วมในปี 2568 ได้แก่
- วิริยะประกันภัย
- กรุงเทพประกันภัย
- สินมั่นคง
- เทเวศ
- KPI
- เมืองไทยประกันภัย
วิธีเคลมประกันกรณีรถถูกน้ำท่วม ทำอย่างไร?

ขั้นตอนที่ควรทำทันที
- ห้ามสตาร์ทรถเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เครื่องยนต์พังและประกันไม่คุ้มครอง
- ถ่ายรูปและวิดีโอสภาพรถทุกมุม เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการเคลม
- รีบแจ้งบริษัทประกันทันที แจ้งสถานที่จอดรถ ความเสียหายเบื้องต้น
- ให้รถยกหรือลากไปอู่ บริษัทส่วนใหญ่มีบริการฟรี
- ถ้าพนักงานประกันเข้าพื้นที่ไม่ได้ ควรมีพยาน เช่น เพื่อนบ้าน คนในครอบครัว
- กรณีไม่มีภาพถ่าย บันทึกรายละเอียดวันเวลาและไปลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐาน
ข้อควรระวังเมื่อเคลมประกันน้ำท่วม
- ห้ามสตาร์ทรถหลังน้ำลด เพราะหากเกิดความเสียหายเพิ่ม ประกันอาจไม่รับผิดชอบ
- ขับลุยน้ำโดยเจตนา อาจถูกปฏิเสธเคลม
- รถแต่งหรือเพิ่มอุปกรณ์โดยไม่แจ้งบริษัท อาจไม่ได้รับความคุ้มครองบางส่วน
สรุป: ปี 2568 ควรซื้อประกันน้ำท่วมรถยนต์หรือไม่?
หากคุณใช้รถในพื้นที่เสี่ยงอย่างหาดใหญ่และภาคใต้ คำตอบคือ “ควรซื้ออย่างยิ่ง” เพราะค่าเสียหายจากน้ำท่วม โดยเฉพาะระบบไฟฟ้าและ ECU อาจสูงถึง 40,000 – 200,000 บาท ในขณะที่เบี้ยประกันเพียงปีละหลักหมื่น ถือว่าคุ้มค่าและช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายได้มาก
ประกันน้ำท่วมในปี 2568 ไม่ได้เป็นเพียงตัวเลือก แต่เป็นการป้องกันความเสี่ยงที่สำคัญสำหรับคนใช้รถในยุคที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
แหล่งที่มา : tqm









Comments are closed