BYD หุ้นดิ่งแรง วิเคราะห์ 5 ปัจจัย ฉุดหุ้นยักษ์ใหญ่ EV จีนทรุดกว่า 17%

ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน 2025 ที่ผ่านมา ราคาหุ้นของบริษัท BYD ซึ่งเป็นผู้นำตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ในประเทศจีน ปรับตัวลดลงกว่า 17% ในตลาดหุ้น โดยมูลค่าตลาดหายไปมากกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (655,000 ล้านบาท) ในเวลาเพียงสองสัปดาห์ การลดลงนี้เกิดจากหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกัน ทั้งกลยุทธ์การปรับลดราคาที่รุนแรง ปัญหาในการบริหารเครือข่ายดีลเลอร์ และความกังวลเกี่ยวกับความยั่งยืนของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในจีน โดยบทความนี้จะพาทุกท่านไปดู 5 ปัจจัย ที่ส่งผลให้หุ้นของ BYD ร่วงหนักถึง 17% ว่าจะมีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง

ราคาหุ้นของ BYD ในประเทศจีน ดิ่งแรงกว่า 17% จากช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

การลดราคาครั้งใหญ่เพื่อกระตุ้นยอดขาย

เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา BYD ประกาศลดราคาจำหน่ายรถยนต์ในประเทศจีนสูงสุดถึง 34% สำหรับรถยนต์ 22 รุ่น รวมถึง BYD Seagull ที่มีราคาลดลงเหลือเพียง 55,800 หยวน (ประมาณ 253,000 บาท) แม้ว่าการลดราคาในครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นยอดขายได้ในระยะสั้น แต่ก็ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการลดลงของอัตรากำไรและความยั่งยืนของกลยุทธ์นี้ในระยะยาว นักวิเคราะห์จาก Deutsche Bank ได้ระบุว่าการลดราคานี้เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของสต็อกรถยนต์ของดีลเลอร์ ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นอยู่ที่ราวๆ 150,000 คันในช่วงสี่เดือนแรกของปี 2025 ทำให้จำเป็นต้องเร่งระบายรถออกนั่นเอง

BYD Seagull

สงครามราคาที่รุนแรงในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า

การประกาศสงครามราคาครั้งใหม่ของ BYD ได้จุดชนวนให้เกิดสงครามราคาภายในอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานใหม่ของจีน ส่งผลให้ผู้ผลิตรถยนต์จีนรายอื่นๆ จำเป็นต้องปรับลดราคาตามเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด สถานการณ์นี้เพิ่มแรงกดดันต่ออัตรากำไรของบริษัทรถยนต์ต่างๆ และสร้างความไม่แน่นอนในตลาด โดยทางฝ่ายรัฐบาลจีนได้ออกมาเตือนบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้ควบคุมตนเองในการแข่งขันด้านราคา เนื่องจากสงครามราคาที่รุนแรงอาจส่งผลเสียต่ออุตสาหกรรมโดยรวมในระยะยาว

BYD ปรับลดราคารถยนต์ทั้งหมด 22 รุ่น สูงสุด 30% ในประเทศจีน

ความกังวลเกี่ยวกับอัตรากำไรและการเติบโต

แม้ว่า BYD จะรายงานยอดขายที่เพิ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2025 โดยมียอดขายรถยนต์ทั้งหมด 382,476 คัน เพิ่มขึ้นถึง 15.3% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 0.6% จากเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่ราคาหุ้นของบริษัทกลับลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยมีสาเหตุมาจากความเชื่อของนักลงทุน ที่กังวลว่าอัตรากำไรจะถูกบีบอัดจากการลดราคาอย่างต่อเนื่อง และการเติบโตของยอดขายอาจไม่สามารถชดเชยผลกระทบต่อกำไรสุทธิได้ นอกจากนี้ BYD ยังบรรลุเป้าหมายยอดขายเพียง 32% ของเป้าหมาย 5.5 ล้านคันสำหรับปี 2025 ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งมีแนวโน้มสูงว่า BYD อาจไม่สามารถทำยอดขายได้ตามเป้าที่วางเอาไว้

ยอดขายของ BYD ในช่วงเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2025 มียอดขายเฉลี่ยอยู่ที่ 300,000 – 380,000 คัน ซึ่งหากต้องการทำยอดขายให้ถึงเป้าหมายที่ 5.5 ล้านคัน จะต้องมียอดขายเฉลี่ยต่อเดือนออยู่ที่ 480,000 คัน

เครือข่ายดีลเลอร์รายใหญ่ของ BYD ล่มในจีนตะวันออก

บริษัท Shandong Qiancheng Holdings หนึ่งในตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่ในภูมิภาคตะวันออกของประเทศจีน เครือข่ายดีลเลอร์หลักของ BYD ในมณฑลซานตง กำลังประสบวิกฤตด้านการดำเนินงานอย่างรุนแรงตั้งแต่เดือนเมษายน 2025 เป็นต้นมา และมีดีลเลอร์หลายแห่งได้ปิดตัวลง ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคกว่า 1,000 รายที่ยังไม่ได้รับบริการหลังการขาย เหตุการณ์นี้สร้างความกังวลในหมู่นักลงทุนเกี่ยวกับความมั่นคงของเครือข่ายการจัดจำหน่ายของ BYD สมาคมผู้ค้ารถยนต์จีนได้เรียกร้องให้ผู้ผลิตรถยนต์หยุดการส่งมอบรถยนต์จำนวนมากเกินไปให้กับดีลเลอร์ เนื่องจากสงครามราคาที่รุนแรงกำลังทำลายเสถียรภาพทางการเงินของดีลเลอร์ จากกำไรสุทธิที่ต่ำลงเนื่องจากการปรับลดราคาขายอย่างต่อเนื่อง

Shandong Qiancheng Holdings

ความกังวลเกี่ยวกับหนี้สินและสภาพคล่อง

มีรายงานว่า BYD มีหนี้สินรวมสูงถึง 323 พันล้านหยวน (ประมาณ 1,466 พันล้านบาท) ซึ่งสูงกว่าที่ทางบริษัทออกรายงานอย่างเป็นทางการถึง 12 เท่า ความกังวลเกี่ยวกับหนี้สินที่สูงและสภาพคล่องของบริษัทอาจเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ราคาหุ้นดิ่งลงนั่นเอง

บทสรุป

การลดลงของราคาหุ้น BYD กว่า 17% ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน 2025 เป็นผลมาจากหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกัน ทั้งกลยุทธ์การลดราคาที่รุนแรง การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ความกังวลเกี่ยวกับอัตรากำไร ปัญหาทางการเงินของดีลเลอร์ และความกังวลเกี่ยวกับหนี้สินของบริษัท แม้ว่า BYD จะยังคงเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า แต่บริษัทจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันและความยั่งยืนในระยะยาว

บทความที่น่าสนใจ

Mercedes EQG จะเป็นรถไฟฟ้าคันแรกที่ได้ใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ Titan Silicon

Nopkung

Toyota Tundra รุ่นต่อไปจะมาพร้อมพลังไฮบริดพ่วง V6 เทอร์โบ

idiot

Audi ผลิตรถยนต์ซีดาน A6 E-Tron ที่ขับเคลื่อนล้อหลังรุ่นแรกในรอบศตวรรษ

Warunya T.

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy