ล่าสุด BYD แบรนด์รถยนต์จากประเทศจีน ที่มียอดขายสูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย (ในกลุ่มแบรนด์รถยนต์จีน) ได้ส่งรถยนต์เอสยูวี Plug-in Hybrid รุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง BYD Sealion 6 DM-i เข้าสู่ตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมเปิดราคาขายสุดเร้าใจที่ 939,900 บาท ในรุ่น Dynamic และราคา 1,039,000 บาท ในรุ่น Premium ซึ่งถือเป็นรุ่นท็อปสุดที่ทำตลาดในประเทศไทย และได้รับความสนใจและเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยมจากลูกค้าชาวไทย
การมาถึงของ Sealion 6 DM-i เรียกได้ว่าเป็นการสร้างแรงกระแทกในวงการรถยนต์ของประเทศไทยไม่น้อย เนื่องจากรถยนต์ในกลุ่ม C-SUV ที่เป็นรถยนต์สันดาปและไฮบริดนั้นมีผู้เล่นในตลาดนี้อยู่ไม่มากนัก โดยจะมีรถที่คนไทยคุ้นหูอย่าง Honda CR-V ซึ่งถือเป็นผู้ครองตลาดหลักอยู่ ณ ขณะนี้ ครองส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่มากถึงราว ๆ 80 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว โดยในบทความนี้เราจะทำการเปรียบเทียบสเปกระหว่าง BYD Sealion 6 DM-I รุ่นย่อย Premium และ Honda CR-V รุ่นย่อย e:HEV RS ซึ่งเป็นรถรุ่นท็อปสุดด้วยกันทั้ง 2 รุ่น มาดูกันว่ารถทั้ง 2 รุ่นนี้ จะมีจุดดีและจุดด้อย แตกต่างกันอย่างไรบ้าง
ขนาดมิติตัวถัง
สำหรับรถทั้ง 2 รุ่นนี้ จัดอยู่ในกลุ่ม C-SUV เหมือนกัน โดยแต่ละรุ่นมีขนาดมิติตัวถังดังนี้
|
BYD Sealion 6 DM-i Premium |
Honda CR-V e:HEV RS |
ความกว้าง |
1,890 มิลลิเมตร |
1,866 มิลลิเมตร |
ความยาว |
4,775 มิลลิเมตร |
4,691 มิลลิเมตร |
ความสูง |
1,670 มิลลิเมตร |
1,691 มิลลิเมตร |
ระยะฐานล้อ |
2,765 มิลลิเมตร |
2,700 มิลลิเมตร |
ความสูงใต้ท้องรถ (Ground Clearance) |
180 มิลลิเมตร |
208 มิลลิเมตร |
น้ำหนัก |
1,850 กิโลกรัม |
1,815 กิโลกรัม |
เมื่อมาดูขนาดรถทั้ง 2 รุ่น จะพบว่า ทางฝั่ง Sealion 6 จะมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่า Honda CR-V ในแทบทุกมิติ โดยมีความกว้างที่มากกว่า 24 มิลลิเมตร, ยาวกว่า 84 มิลลิเมตร, เตี้ยกว่า 21 มิลลิเมตร, ระยะฐานล้อยาวกว่า 65 มิลลิเมตร, ความสูงใต้ท้องรถต่ำกว่า 28 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักที่มากกว่า 35 กิโลกรัม
เครื่องยนต์
มาต่อกันที่ขุมพลังของรถทั้ง 2 รุ่น ที่ถึงแม้ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ระบบไฮบริดเหมือนกัน แต่ก็มีจุดที่แตกต่างกันอยู่พอสมควรดังนี้
BYD Sealion 6 DM-i Premium – มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้พละกำลังรวมสูงสุดที่ 218 แรงม้า พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 300 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า จับคู่กับแบตเตอรี่ BYD Blade Battery ขนาด 18.3 kWh สามารถวิ่งได้ด้วยโหมดไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ไกลสูงสุด 95 กิโลเมตร (NEDC) รองรับการชาร์จไฟ AC ที่ 6.6 kW และ DC ที่ 18 kW นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบ V2L จ่ายกระแสไฟฟ้าสู่ภายนอก
Honda CR-V e:HEV RS – มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้พละกำลังรวมสูงสุดที่ 207 แรงม้า พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 330 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ จับคู่กับแบตเตอรี่ Lithium ion (ไม่มีข้อมูลขนาดแบตเตอรี่ และไม่มีข้อมูลว่าสามารถวิ่งได้ด้วยโหมดไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้กี่กิโลเมตร)
ถึงแม้ว่ารถทั้ง 2 คัน จะมีพละกำลังแรงม้าและแรงบิดที่ใกล้เคียงกัน โดย Sealion 6 จะมีกำลังแรงม้าที่มากกว่า CR-V e:HEV อยู่ 11 แรงม้า แต่แรงบิดกลับน้อยกว่า 30 นิวตัน-เมตร แต่ความแตกต่างที่สำคัญก็คือ ระบบไฮบริดของ Sealion 6 จะสามารถชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ได้โดยตรง (Plug-in Hybrid) และสามารถวิ่งได้ด้วยโหมดไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ถึง 95 กิโลเมตร รวมถึงยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ V2L แต่ CR-V e:HEV จะได้เปรียบตรงระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งให้การยึดเกาะที่ดีกว่า
ออปชันความปลอดภัย
ในเมื่อรถทั้ง 2 รุ่น ถือเป็นรถรุ่นท็อปเหมือนกัน ดังนั้นออปชันและฟีเจอร์ก็ถูกใส่เข้ามาในรถอย่างจัดเต็มเช่นเดียวกัน โดยเราจะมาเปรียบเทียบออปชันเด่น ๆ ของรถทั้ง 2 คัน ว่าจะมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง
ออปชันความปลอดภัย BYD Sealion 6 DM-i Premium
- ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย)
- ระบบเบรกอัตโนมัติ (AEB)
- ระบบเตือนการชนด้านหน้า (FCW)
- ระบบแจ้งเตือนคาดการณ์การชนล่วงหน้า (PCW)
- ระบบช่วยเตือนการชนด้านท้าย (RCW)
- ระบบจดจำป้ายจราจร (TSR)
- ระบบเตือนเปลี่ยนเลน (LDW)
- ระบบป้องกันรถออกนอกเลน (LDP)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องจราจร (LKA)
- ระบบเตือนเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA)
- ระบบเบรกอัตโนมัติเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB)
- ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตา (BSD)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อเปิดประตูรถ (DOW)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control with Stop & Go)
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (HMA)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้า (DAW)
ออปชันความปลอดภัย Honda CR-V e:HEV RS
- ถุงลมนิรภัย 8 ตำแหน่ง (ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ถุงลมนิรภัยด้านข้าง, ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่า)
- ระบบความปลอดภัย Honda Sensing ประกอบไปด้วย
- ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (CMBS)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (LKAS)
- ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (RDM with LDW)
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (AHB)
- ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ (ADB)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (ACC with LSF) *ไม่ทำงานจนถึงจุดหยุดนิ่ง
- ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (LCDN)
- ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch)
- ไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (ACL)
- ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor)
รถทั้ง 2 รุ่น ได้ออปชันและฟีเจอร์ช่วยเหลือการขับขี่มากมาย แต่ทางด้าน BYD Sealion 6 จะมีความได้เปรียบตรงที่ระบบ Adaptive Cruise Control จะทำงานจนถึงจุดหยุดนิ่ง (Stop & Go) รวมถึงระบบเตือนและเบรกอัตโนมัติเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA & RCTB) รวมถึง ระบบจดจำป้ายจราจร TSR ซึ่งทางคู่เปรียบเทียบจะไม่มีฟีเจอร์ดังกล่าว แต่ทางฝั่ง CR-V e:HEV RS จะมีฟีเจอร์ที่เหนือกว่าคือ ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ (ADB) ที่จะปรับลดระดับไฟในสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น ขับตามรถคันหน้า เวลามีรถสวนทางเวลากลางคืน หรือเมื่อมีคนเดินอยู่ริมทาง รวมถึงระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (LCDN) และระบบไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (ACL) และฟังก์ชันไฮไลท์ที่แฟน ๆ Honda ชื่นชอบก็คือ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch)
ราคาและการรับประกัน
ถึงแม้ว่ารถทั้ง 2 คัน จะมีคุณสมบัติในด้านต่าง ๆ ที่ใกล้เคียงกัน แต่ทว่า “ราคา” กลับแตกต่างกันมากถึงเกือบ 7 แสนบาท โดยรถทั้ง 2 รุ่นมีราคา และการรับประกันดังนี้
BYD Sealion 6 DM-I Premium ราคา 1,039,000 บาท
- รับประกันคุณภาพตัวรถ 6 ปี หรือ 150,000 กม.
- รับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 8 ปี หรือ 160,000 กม.
Honda CR-V รุ่นย่อย e:HEV RS ราคา 1,729,000 บาท
- รับประกันคุณภาพตัวรถ 3 ปี หรือ 100,000 กม. (สามารถซื้อ Honda ultimate care เพื่อขยายการรับประกันได้)
- รับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
สุดท้ายนี้ ถึงแม้ว่ารถทั้ง 2 รุ่น จะมีราคาที่แตกต่างกันเป็นอย่างมาก แต่ต้องอย่าลืมว่าชื่อชั้นของแบรนด์ Honda ในประเทศไทย ทั้งในเรื่องของบริการหลังจากขาย การซ่อมบำรุง อะไหล่ รวมถึงคุณภาพของตัวรถ รวมถึงภาพลักษณ์ความเป็นแบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่น สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของคุณ ว่าคุณจะเลือกคันไหน อย่างไรก็ตามเราขอแนะนำให้คุณไปสัมผัสรถคันจริงพร้อมทดลองขับก่อนตัดสินใจซื้อ
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : BYD / Honda