ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นการแพร่ระบาดของ COVID19 ไปทั่วโลก ปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทาน และความวุ่นวายทางการเมือง สิ่งเหล่านี้นั้นต่างสร้างความหายนะให้กับอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างมากมาย ลองไปดูกันว่ายอดขายรถยนต์ใหม่ในแดนอเมริกาเป็นอย่างไร
เมื่อรวมตัวเลขยอดขายของผู้ผลิตรถยนต์ในไตรมาสแรก (จนถึงตอนนี้) เข้าด้วยกันแล้ว เรากำลังจะได้เห็นว่าปี 2024 ทืศทางวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ของสหรัฐฯ จะอย่างไร
อันดับที่ 20. Ford Transit – 39,890 คัน
รถตู้อเนกประสงค์ของฟอร์ดมียอดขายเพิ่มขึ้น 24.6 เปอร์เซ็นต์ ไม่เพียงแต่จะเอาชนะรถ Ford รุ่นอื่นๆ ได้ เช่น Escape, Bronco และ Maverick เท่านั้น แต่ยังเหนือกว่า Subaru Outback และ Toyota Highlander ซึ่งเป็นรุ่นยอดนิยมที่ติดอันดับสินค้าขายดีในปี 2023
อันดับที่ 19. Nissan Sentra – 40,081 คัน
Nissan Sentra ขนาดเล็กมียอดขายเพิ่มขึ้น 78 เปอร์เซ็นต์จากปีที่แล้ว และพุ่งสูงขึ้นจนกลายเป็นสินค้าขายดีอันดับสองของนิสสัน แต่ยังคงตามหลัง Rogue ที่โด่งดังตลอดกาล
อันดับที่ 18. Honda Accord – 41,927 คัน
Accord รุ่นที่ 11 มียอดขายลดลงเล็กน้อยในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งดูเหมือนไม่ใช่ข่าวดีนัก เมื่อยังเป็นรุ่นใหม่ที่เพิ่งถูกเปิดตัวในปี 2023 เป็นไปได้ว่าผู้ซื้ออาจตอบสนองกับพละกำลังที่ลดลงจากรุ่นก่อนหน้า เครื่องยนต์ไฮบริดให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า และยังไม่มีตัวเลือกระบบขับเคลื่อนสี่ล้อในรุ่นคู่แข่งอย่าง Toyota Camry หรือ Subaru Legacy
อันดับที่ 17. Tesla Model 3 – 42,000 คัน (โดยประมาณ)
Tesla ที่มีราคาถูกที่สุดยังคงเป็น Model 3 โดยมีราคาอยู่ที่ 38,990 เหรียญสหรัฐ ด้วยระบบส่งกำลังมอเตอร์เดี่ยว โดยสามารถเร่งความเร็วจาก 0 – 100 กม./ชม. ใน 5.8 วินาที ตามข้อมูลของ Tesla รุ่นมอเตอร์คู่เร่งความเร็วจาก 0 – 100 กม./ชม. ใน 4.2 วินาที วิ่งได้ในระยะทางประมาณ 548 กิโลเมตร และมีรายงานว่ารถเก๋งไฟฟ้าขายดีพร้อมการปรับโฉม แม้ว่า Tesla จะไม่ได้ระบุตัวเลขยอดขายที่เฉพาะเจาะจง แต่ทาง Automotive News คาดการณ์ว่ายอดขาย Model 3 จะอยู่ที่ประมาณ 42,000 คันจนถึงปี 2024
อันดับที่ 16. Hyundai Tucson – 45,509 คัน
ยานพาหนะเพียงคันเดียวจากเกาหลีที่ติด 20 อันดับแรกคือ Tucson SUV ที่เพิ่งได้รับการอัปเดตเล็กน้อย เช่น หน้าจอขนาด 12.3 นิ้วและพละกำลังที่มากขึ้น ในทางเทคนิคแล้วยอดขายของ Tucson ลดลงเล็กน้อย แต่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดทั้งปีเนื่องจากโมเดลที่ได้รับการปรับปรุงได้เข้าถึงตัวแทนจำหน่ายมากขึ้น
อันดับที่ 15. Subaru Forester – 48,546 คัน
Subaru Forester ใหม่ น่าจะเข้าสู่ตัวแทนจำหน่ายเร็วๆ นี้ แต่จะทำผลงานได้ดีกว่ารุ่นปัจจุบันหรือไม่? ยอดขายของ Forester เพิ่มขึ้นมากถึง 59.7 เปอร์เซ็นต์ หากพูดให้ชัดเจนมันเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดของ Subaru ได้อย่างง่ายดาย และในขณะที่บางคนวิพากษ์วิจารณ์สัดส่วนที่น่าอึดอัดของ SUV คันนี้ เช่น ซุ้มล้อ แต่รถสี่ล้อขนาด 2.5 ลิตรยังทำยอดขายได้ดี
อันดับที่ 14. Chevrolet Equinox – 54,185 คัน
Equinox เป็นรถยนต์ที่ขายดีที่สุดเป็นอันดับสองของ Chevrolet และเจเนอเรชันใหม่กำลังอยู่ในระหว่างการที่จะนำส่งให้กับตัวแทนจำหน่ายในปลายปีนี้ แต่รุ่นปัจจุบันยังคงมียอดขายเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบเป็นรายปีจนถึงไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ ซึ่งสิ่งนี้อาจเปลี่ยนแปลงเมื่อรุ่นใหม่ไปถึงมือตัวแทนจำหน่ายด้วยการออกแบบที่ได้รับการปรับโฉมใหม่และการตกแต่งภายในแบบดิจิทัลที่สวยงาม เครื่องยนต์สี่สูบเทอร์โบชาร์จขนาด 1.5 ลิตร 175 แรงม้า ขับเคลื่อนสี่ล้อ
อันดับที่ 13. Jeep Grand Cherokee – 54,455 คัน
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา Jeep ได้ประกาศราคาสำหรับ Grand Cherokee ปี 2024 ซึ่งน้อยกว่าปีที่แล้ว แม้ว่าจะมีการลดราคาลง 4,595 ดอลลาร์ แต่การลดราคานั้นไม่ได้ช่วยเพิ่มยอดขาย เนื่องจากเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว Grand Cherokee ปี 2024 ไม่มีอะไรใหม่ ผู้ซื้อยังคงสามารถเลือกระหว่างรุ่นที่นั่งสองแถวด้วยเครื่องยนต์ V-6 ขนาด 3.6 ลิตร หรือรุ่นที่นั่งสามแถว Hemi V-8 ขนาด 5.7 ลิตรซึ่งมีสเปคสูงกว่า
อันดับที่ 12. Ford Explorer – 58,465 คัน
F-Series เป็นรถที่ขายดีที่สุดของ Ford มายาวนาน แต่ Explorer ก็ครองอันดับ 2 ของผู้ผลิตรถยนต์อย่างเงียบๆ โมเดลที่ได้รับการปรับปรุงจะเข้าถึงตัวแทนจำหน่ายได้ในไตรมาสที่สองของปีนี้ ซึ่งรวมถึง Explorer Hybrid ซึ่งขณะนี้มีเฉพาะสำหรับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเท่านั้น
อันดับที่ 11. Toyota Corolla – 60,071 คัน
Toyota อาจมีรถ SUV และรถซีดานที่ขายดีที่สุดในอเมริกา แต่ปัจจุบัน Corolla ครองอันดับ 2 ในด้านรถคอมแพ็ค ตามหลัง Honda Civic แต่ทาง Toyota ไม่ควรรู้สึกแย่นักเนื่องจาก Corolla ได้รับความนิยมอย่างมากโดยมียอดขายเพิ่มขึ้น 39 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งไม่แย่เลยสำหรับรุ่นปี 2019
อันดับที่ 10. Honda Civic – 61,929 คัน
Honda Civic ยอดขายเพิ่มขึ้น 36 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แสดงให้เห็นว่าฮอนด้าตัดสินใจได้ถูกต้องโดยลดการออกแบบภายนอกลงสำหรับรุ่นปัจจุบัน
อันดับที่ 9. GMC Sierra – 68,597 คัน
Chevrolet Sierra มียอดขายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย (2.1 เปอร์เซ็นต์) ข่าวใหญ่ในปีนี้ก็คือ Sierra EV จะเข้าถึงลูกค้าในช่วงฤดูร้อนนี้ด้วยชุดแต่ง Denali Edition 1 ที่เป็นรุ่นท็อป นอกจากนี้ยังมี Sierra HD AT4X AEV Edition ซึ่งเปิดตัวเมื่อปีที่แล้วในฐานะรถออฟโรดระดับฮาร์ดคอร์ ราคามีตั้งแต่ประมาณ 38,000 ดอลลาร์สำหรับรุ่นพื้นฐาน 1,500 ไปจนถึง 100,000 ดอลลาร์สำหรับ Denali ไฟฟ้าหรือ HD Denali Ultimate ที่ขับเคลื่อนด้วยดีเซล
อันดับที่ 8. Toyota Camry – 78,337 คัน
โตโยต้ายังคงเป็นรถเก๋งที่ขายดีที่สุดในอเมริกา โดย Camry ใหม่ปี 2024 มีจำหน่ายเฉพาะในรูปแบบไฮบริดที่มีกำลัง 225 หรือ 232 แรงม้า มีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหน้าหรือทั้งสี่ล้อ และโตโยต้าก็อัดแน่นไปด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่มาตรฐานทุกประเภท ขณะนี้ได้เข้าถึงตัวแทนจำหน่ายแล้ว ซึ่งหมายความว่ายอดขายที่เพิ่มขึ้น 18.6 เปอร์เซ็นต์จะมีผลกับรุ่นที่จำหน่ายออกไป
อันดับที่ 7. Ram Pickup – 89,417 คัน
ยอดขายรถกระบะขนาด full-size ลดลง 15 เปอร์เซ็นต์ตลอดไตรมาสแรกปีนี้ ซึ่งลดลงจากรุ่น F-Series และ Silverado รถกระบะปรับโฉมใหม่จะเปิดตัวในปลายปีนี้ในรูปแบบปี 2025
อันดับที่ 6. Nissan Rogue – 90,804 คัน
บางคนอาจบอกว่า Rogue เป็น SUV ที่ดูธรรมดาไม่น่าจะขายดิบขายดี แต่สถิติยอดขายกลับไม่เป็นเช่นนั้น ด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้น 18.7 เปอร์เซ็นต์ และได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ขายดีที่สุดอย่างต่อเนื่องมาหลายปี แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้ติดใน 5 อันดับแรก
อันดับที่ 5. Honda CR-V – 95,038 คัน
Honda CR-V รุ่นที่ 6 เปิดตัวสำหรับรุ่นปี 2023 และดูเหมือนว่าผู้ซื้อจะชื่นชอบ เนื่องจากสินค้าขายดีอย่างต่อเนื่องในสหรัฐอเมริกาโดยเพิ่มขึ้นถึง 41.3 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยทาง CR-V นำเสนอเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่หลากหลายพร้อมตัวเลือกระบบส่งกำลังแบบไฮบริดหรือระบบส่งกำลังแบบเผาไหม้บริสุทธิ์
อันดับที่ 4. Tesla Model Y – 109,000 Units (โดยประมาณ)
ปีที่แล้ว Tesla Model Y เป็นรถยนต์ที่ขายดีที่สุดในโลกจนถึงปี 2024 ซึ่งทางสื่ออย่าง Automotive News ประมาณการว่าครอสโอเวอร์ขนาดเล็กขายดีเป็นอันดับ 4 ในสหรัฐอเมริกา แต่ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่ชะลอตัวในอเมริกาอาจทำให้ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าลดลงในปีนี้ โดยรุ่นพื้นฐานจะมีราคา 44,990 เหรียญสหรัฐฯ มีระบบส่งกำลังแบบมอเตอร์เดี่ยววิ่งได้ 260 ไมล์ ในขณะที่รุ่น Y Performance รุ่นท็อปจะเพิ่มมอเตอร์ตัวที่สองและเพิ่มกำลังมากขึ้นในราคา 53,490 เหรียญสหรัฐฯ
อันดับที่ 3. Toyota RAV4 – 124,822 คัน
ราชาแห่ง SUV ในอเมริกาไม่มีทีท่าว่ายอดขายจะชะลอตัวลง ซึ่งในความเป็นจริง RAV4 เพิ่มขึ้นมากกว่า 47 เปอร์เซ็นต์ตลอดไตรมาสแรกของปี โดยแซง Ram ขึ้นไปอยู่ในสามอันดับแรกของรถที่ขายดีที่สุด และเกือบที่จะขโมยอันดับที่สองจาก Silverado ไปได้ โดยรุ่นปัจจุบันเปิดตัวในปี 2019 ตามด้วยปลั๊กอินไฮบริด RAV4 Prime หลังจากนั้นไม่นาน รุ่นที่อัปเดตอาจจะมาในเร็วๆ นี้
อันดับที่ 2. Chevrolet Silverado – 127,563 คัน
Silverado มียอดขายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย (ประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์) สำหรับรถกระบะยอดนิยม แต่ช่องว่างของ Ford F-Series ยังคงกว้างอยู่ ผู้ซื้อสามารถเลือกได้ระหว่างเครื่องยนต์ดีเซล สี่สูบเทอร์โบชาร์จ หรือ V-8 โดยคุณจะได้รับการตกแต่งภายในที่ปรับปรุงใหม่พร้อมตัวเลือกเทคโนโลยีมากมาย ยังไม่มีคู่แข่งที่เหมาะสมสำหรับ F-150 Raptor หรือ Ram TRX แต่รุ่น ZR2 Bison ที่ทนทานมีจำหน่ายในสไตล์ตัวถัง 1500 และ HD
อันดับที่ 1. Ford F-Series – 152,943 คัน
Ford F-Series กำลังจะกลายเป็นรถกระบะที่ขายดีที่สุดในอเมริกาเป็นปีที่ 48 ติดต่อกัน Blue Oval ขายรถกระบะได้มากกว่า 750,000 คันในปี 2023 และแม้ว่ายอดขายจะลดลงจนถึงช่วงสามเดือนแรกของปี 2024 แต่รถรุ่นนี้ก็ยังอยู่ในเส้นทางที่จะขายได้มากกว่าคู่แข่งที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งทางฟอร์ดได้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพให้กับ F-150 รุ่นที่ 14 สำหรับรุ่นปี 2024 รวมถึงการเพิ่มกำลังของ Raptor เป็น 720 แรงม้า
Cr : Motor1