Aston Martin ได้มีการเปิดตัว DBS 770 Ultimate รุ่นพิเศษใหม่ของ DBS ที่มาพร้อมพละกำลังที่เพิ่มขึ้น แชสซีปรับแต่งใหม่ และสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ วางแผนผลิตจำกัดเพียง 499 คันเพื่อส่งท้าย DBS เจเนอเรชั่นปัจจุบัน
DBS 770 Ultimate ทั้งหมด 499 คัน จะถูกแบ่งออกเป็นรุ่นคูเป้ 300 คัน และเปิดประทุน Volante จำนวน 199 คัน โดยมีไฮไลท์ตั้งแต่สปลิตเตอร์หน้าที่โดดเด่นยิ่งขึ้น ฝากระโปรงหน้าแบบใหม่พร้อมช่องระบายอากาศแบบเกือกม้า เน้นการตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์แบบทอลายทแยง
ดิฟฟิวเซอร์หลังที่ออกแบบใหม่ และล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้วที่มีเอกลักษณ์ ซึ่งมีให้เลือกทั้่งสีเงิน Satin Silver, สีดำ Satin Black หรือ Satin Black with Diamond (แบบในภาพ) หุ้มดวยยางสมรรถนะสูง Pirelli P Zero ขนาด 265/35R21 ที่ด้านหน้าและ 305/30R21 ที่ด้านหลัง
ภายในห้องโดยสารมีป้ายโลโก้ DBS 770 Ultimate บนที่วางแขนและสคัพเพลท ซึ่งแสดงหมายเลขการผลิตของรุ่นพิเศษ เบาะนั่ง Sports Plus หุ้มด้วยหนังกึ่งอะนิลีนแบบควิลท์และ Alcantara และสามารถเลือกเบาะนั่งแบบ Performance Seats ที่เป็นออปชั่นเสริมได้ นอกจากนี้เจ้าของรถยังสามารถเลือกปรับแต่งรถผ่านแผนกพิเศษ Q division ของ Aston Martin ได้อีกด้วย
DBS 770 Ultimate ติดตั้งเครื่องยนต์ V12 ขนาด 5.2 ลิตร เทอร์โบคู่ ที่ได้รับการอัพเกรดให้ผลิตกำลังได้ 770 แรงม้า (PS) และแรงบิด 900 นิวตันเมตร ซึ่งเพิ่มขึ้น 45 แรงม้าจากรุ่นปกติ ส่งกำลังไปยังเพลาหลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ ZF 8 สปีด และทำความเร็วได้สูงสุด 340 กม.ต่อชม. บริษัทระบุว่านี่คือรถโปรดักชั่นที่เร็วและทรงพลังที่สุด หากไม่รวม Valkyrie ไฮเปอร์คาร์
นอกจากนี้วิศวกรของ Aston Martin ยังได้ปรับปรุงการตอบสนองของพวงมาลัยและคอพวงมาลัยใหม่ รวมถึงปรับแต่งระบบกันสะเทือน โช๊คอัพ และซอฟต์แวร์ใหม่สำหรับระบบ Adaptive Damping System (ADS) ควบคู่ไปกับเบรกคาร์บอนเซรามิกที่มีจานเบรกขนาด 410 มม. ที่ด้านหน้าและ 360 มม. ที่ด้านหลัง
การผลิต Aston Martin DBS 770 Ultimate จะเริ่มขึ้นในไตรมาสแรกของปี 2023 โดยคาดว่าจะเริ่มส่งมอบคันแรกได้ในไตรมาสที่ 3 ของปี ขณะที่ราคาจำหน่ายไม่มีการเปิดเผยเนื่องจากรถทุกคันถูกจองหมดเกลี้ยงแล้ว
CR : Carscoops