fbpx

ย้อนรอยประวัติศาสตร์ Lamborghini จากผู้ผลิตรถไถ สู่แบรนด์ Supercar ระดับโลก

“Lamborghini คือความปราณีต ความหรูหรา และความสมบูรณ์แบบ” – Ferruccio Lamborghini กล่าว

หากพูดถึงแบรนด์รถยนต์ซูเปอร์คาร์ที่อยู่ในใจใครหลายๆคน ต้องมีชื่อของ Lamborghini รถยนต์ซูเปอร์คาร์สัญชาติอิตาลีที่มาพร้อมกับโลโก้วัวกระทิงสีทองอันโดดเด่น ซึ่งในวันนี้เราจะพาทุกท่านไปย้อนร้อยที่มาของประวัติศาสตร์ของสุดยอดแบรนด์รถซูเปอร์คาร์อย่าง Lamborghini

 

28 เมษายน 1916 : เด็กชาย Ferruccio Lamborghini ลืมตาดูโลกครั้งแรก

ในวันที่ 28 เมษายน 1916 หรือเมื่อ 106 ปีที่แล้ว Antonio และ Evelina สองคู่รักชาวอิตาลีได้ให้กำเนิดเด็กน้อยคนหนึ่งที่มีชื่อว่า Ferruccio Lamborghini โดยพ่อและแม่ของเขาประกอบอาชีพเกษตรกรในส่วนองุ่นแห่งหนึ่งในเมืองที่มีชื่อว่า Emilia-Romagna ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี

Emilia Romagna
Emilia Romagna

 

Ferruccio Lamborghini เด็กหนุ่มผู้หลงไหลยานยนต์ตั้งแต่เด็กๆ

เมื่อเด็กน้อย Ferruccio เติบโตขึ้น เขามีความสนใจในเรื่องของเครื่องยนต์กลไก ในขณะที่พ่อของเขาอยากให้หนุ่มน้อยทำการเกษตรเหมือนกับเขา แต่เขายืนกรานที่จะไม่ทำตามความต้องการของพ่อ และเขาได้เลือกเรียนที่สถาบันเทคนิค Fratelli Taddia ใกล้เมืองโบโลญญา และเข้าได้นำวิชาที่ได้ร่ำเรียนมานั้นทดลองกับรถไถที่ใช้ในทุ่งนาของพ่อนั่นเอง

 

ในปี 1940 Ferruccio ถูกเกณฑ์เข้ากองทัพอากาศอิตาลี ในตำแหน่ง ช่างเครื่องยนต์

เมื่อ Ferruccio อายุได้ 24 ปี เขาถูกเกณฑ์เข้าสู่กองทัพอากาศอิตาลี เนื่องจากช่วงเวลานั้นอิตาลีเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 (World War 2) โดยประเทศอิตาลีเข้าร่วมสงครามในฐานะฝ่ายอักษะ โดยหลังจากสมรภูมิอิตาลี-ตุรกี เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งกลายเป็นหัวหน้าหน่วยซ่อมบำรุงยานพาหนะ

Ferruccio Lamborghini
ภาพถ่ายของ Ferruccio Lamborghini ขณะรับราชการทหาร

 

และอย่างที่ทราบกันว่าฝ่ายอักษะ รวมถึงประเทศอิตาลี เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในสงครามครั้งนี้ และแน่นอนว่าทหารอากาศอย่าง Ferruccio จึงถูกจองจำอยู่ในคุก และได้ถูกปล่อยตัวออกมาในปีถัดมา

 

หลังสงคราม Ferruccio ได้ก่อตั้งบริษัทผลิตรถแทรกเตอร์ที่มีชื่อว่า “Lamborghini Trattori S.p.A.”

เมื่อสงครามจบลง Ferruccio เดินทางกลับสู่บ้านเกิดของเขาอีกครั้ง โดยเขาได้นำวิชาที่ได้มาจากการทำงานในกองทัพ และความคุ้นชินกับอุปกรณ์ทางการเกษตรของคุณพ่อ Ferruccio จึงได้เปิดบริษัทผลิตรถแทรกเตอร์ และรถสำหรับการเกษตรในชื่อ “Lamborghini Trattori S.p.A.” และมันประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งกลายเป็นแบรนด์รถแทรกเตอร์ อันดับ 1 ของอิตาลีอย่างรวดเร็ว

รถแทรกเตอร์ของ Lamborghini สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับ Ferruccio

 

นอกจากรถแทรกเตอร์ Ferruccio ยังหลงไหลในความเร็วเป็นอย่างมาก

นอกจากธุรกิจรถแทรกเตอร์ Ferruccio ยังคงชื่นชอบในกีฬามอเตอร์สปอร์ตไม่น้อย เขาจึงได้สนองความชื่นชอบของตัวเองด้วยการซื้อรถ Fiat Topolino ก่อนจะนำมันมาปรับแต่งให้มีสมรรถนะที่ดียิ่งขึ้น จากรถ 750 cc คันเล็กสำหรับใช้งานในเมือง กลายเป็นอสูรกาย 2 ประตูเปิดประทุน ก่อนที่เขาจะนำรถคันนี้ไปแข่งในรายการ “Mille Miglia” ซึ่งเป็นการแข่งขันแบบสุดโหดระยะทางไกลถึง 1,000 ไมล์ (1618 กิโลเมตร) โดย Ferruccio ลงขับรถคันนี้ด้วยตัวเอง แต่โชคร้ายที่เขาประสบอุบัติเหตุในการแข่งขัน ขณะที่วิ่งไปแล้วกว่า 680 ไมล์

Fiat Topolino
Fiat Topolino รถที่ Lamborghini ปรับแต่งละลงแข่งขันในรายการ “Mille Miglia”

 

Ferruccio Lamborghini ผันตัวมาเป็นนักสะสมรถตัวยง

หลังจากที่ธุรกิจรถแทรกเตอร์ และธุรกิจอื่นๆในเครือ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และสร้างเม็ดเงินให้เขาเป็นกอบเป็นกำ เขาจึงได้นำเงินที่หามาได้มีสนองความต้องการด้วยการซื้อรถสปอร์ตและซูเปอร์คาร์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Alfa Romeos , Lancias , Mercedes-Benz 300SL, a Jaguar E-Type coupé, และ Maserati 3500 GTs ที่ดูเหมือนว่าเขาจะชื่นชอบเป็นพิเศษ เพราะเข้าซื้อมันมาถึง 2 คัน เนื่องจาก Ferruccio ชื่นชอบ Adolfo Orsi ผู้ก่อนตั้ง Maserati เป็นอย่างมาก เนื่องจากมีภูมิหลังในวัยเด็กที่คล้ายๆกัน

รถสะสมของ Ferruccio Lamborghini

 

Ferrari จุดเริ่มต้นของตำนานซูเปอร์คาร์ Lamborghini

ในปี 1958 Ferruccio เดินทางไปยังเมือง Maranello (บ้านเกิดของ Ferrari) เพื่อซื้อ Ferrari 250 GT คันงาม และต่อมาเข้ายังได้ครอบครองรถจากค่ายม้าลำพองมากมาย

Ferrari 250 GT
Ferrari 250 GT

แต่ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่พอใจในเรื่องของเสียง ที่ดูเหมือนว่าจะดังเกินไปเมื่อขับขี่บนท้องถนน รวมถึงวัสดุภายในห้องโดยสารที่เขามองว่ามันยังไม่ค่อยสมราคาตัวรถสักเท่าไหร่ รวมถึงชุดคลัทช์ที่เสื่อมสภาพเร็วและต้องเข้ารับการเปลี่ยนที่ศูนย์บริการบ่อยครั้ง และนี่ทำให้เขาอยากพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาที่เขาพบเจอกับ Enzo Ferrari

 

Ferruccio Lamborghini ได้เข้าพบ Enzo Ferrari เพื่อบอกถึงปัญหาที่เขาพบเจอ แต่กลับได้รับ “คำดูถูก” กลับมาแทน

อย่างที่หลายๆคนทราบว่า Enzo Ferrari เป็นคนที่หยิ่งผยองมาก และเมื่อ Ferruccio ได้เข้าพบเพื่อพูดคุยถึงปัญหาที่เกิดขึ้น Enzo ตอบกลับเขาไปด้วยสีหน้านิ่งเฉยว่า 

“Let me make cars. You stick to making tractors.”

ปล่อยให้ฉันทำรถสปอร์ตต่อไป ส่วนคุณก็ทำรถแทรกเตอร์ของคุณไป

Enzo Ferrari
Enzo Ferrari

คำพูดอันแสนเหยียดหยามนี้ทำให้ Ferruccio หัวเสียเป็นอย่างมาก เพราะเขาเป็นถึงวิศวกรที่สร้างรถแทรกเตอร์อันดับ 1 ของอิตาลี เขาบึ่งรถกลับบ้านของเขาในทันที และในระหว่างทางนั้นเอง เขาได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่า ฉันต้องสร้างรถที่เจ๋งและดีกว่า Ferrari ให้ได้

 

1963 : ก่อตั้งบริษัท Automobili Lamborghini S.p.A

ในช่วงปลายปี 1963 Ferruccio ได้ก่อตั้งบริษัท Automobili Lamborghini S.p.A ในเมือง Sant’Agata Bolognese (ในปัจจุบันที่นี่ยังคงเป็นสำนักงานใหญ่) โดยรถรุ่นแรกที่เขาสร้างขึ้นมาก็คือ 350 GT นั่นเอง

 

1964 : Lamborghini 350 GT เผยโฉมสู่สายตาชาวโลกเป็นครั้งแรก

หลังจากก่อตั้งบริษัทได้เพียง 4 เดือน ในที่สุดรถสปอร์ตที่ Ferruccio ตั้งใจสร้างมันขึ้นมาเพื่อลบคําสบประมาทก็ได้เปิดตัวครั้งแรกที่ Geneva Auto Show โดยรถคันนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V12 3.5 ลิตร ที่ให้กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 270 แรงม้า สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ภายใน 6.8 วินาที และมันยังสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 255 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งคนที่คิดค้นเครื่องยนต์คนนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เพราะชายคนนี้ก็คืออดีตวิศวกรของ Ferrari ผู้อยู่เบื้องหลัง Ferrari 250GT ในตำนานนั่นเอง และรถ 350 GT ถูกผลิตขึ้นมาเพียงแค่ 120 คันเท่านั้น

Lamborghini 350 GT
350 GT

 

1967 เปิดตัว 400 GT และ Miura ซึ่งมันได้รับความนิยมและสร้างผลกำไรให้บริษัทเป็นอย่างมาก

Lamborghini 400 GT ซึ่งเป็นรุ่นต่อยอดมาจาก 350 GT ได้ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยคราวนี้มันมาในสไตล์ Grand Tourer 2+2 รวมถึงยังได้มีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่อย่าง Miura สปอร์ต 2 ประตูดีไซน์โฉบเฉี่ยว

Lamborghini 400 GT
Lamborghini 400 GT
Lamborghini Miura
Lamborghini Miura

 

1972-1974 : Lamborghini ประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก จนต้องขายหุ้นออกไป

หลังจากประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก ในปี 1972 Ferruccio ผู้ก่อตั้งบริษัทได้ขายหุ้นของบริษัท 51% ให้กับ Georges-Henri Rossetti นักธุรกิจชาวสวิสผู้มั่งคั่ง และต่อมาในปี 1974 เขาขายหุ้นส่วนที่เหลือ 49% ให้กับ René Leimer เพื่อนสนิทของ Rossetti นั่นเอง

 

1978 : Lamborghini Countach LP400-S เป็นรถรุ่นเดียวของพวกเขาที่ยังขายอยู่

หลังจากที่ประสบปัญหาทางการเงินมาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้พวกเขาต้องหยุดผลิตรถยนต์หลากหลายรุ่น จะเหลือแต่เพียงแค่ Countach LP400-S ซึ่งถือได้ว่าเป็นรถที่ช่วยต่อลมหายใจของค่ายกระทิงดุออกไปได้

1979 Lamborghini Countach LP400-S
Lamborghini Countach LP400-S

 

1980 ถูกฟ้องล้มละลาย และเปลี่ยนมือเจ้าของใหม่

หลังจากที่ประสบปัญหาทางด้านการเงินสะสมมายาวนานหลายปี ในที่สุดพวกเขาก็ถูกฟ้องล้มละลาย และบริษัทได้ถูกเปลี่ยนมือไปยัง Jean-Claude และ Patrick Mimran สองพี่น้องผู้ร่ำรวยผู้หลงไหลในรถสปอร์ตเป็นอย่างมาก

 

1987 Chrysler ยักใหญ่จากอเมริกาเข้าซื้อกิจการ

หลักจากเปลี่ยนมือเจ้าของได้ไม่นาน ในปี 1987 พวกเขาตัดสินใจขายบริษัทให้กับ Chrysler ในราคา 25.2 ล้านเหรียญสหรัฐ และนี่เป็นครั้งแรกที่ค่ายกระทิงดุเข้าสู่วงการ Motorsport อย่างเป็นทางการ ซึ่งพวกเขาได้ตั้งบริษัทใหม่ที่มีชื่อว่า Lamborghini Engineering S.p.A ซึ่งเน้นไปที่การพัฒนารถเพื่อการแข่งขันโดยเฉพาะ ซึ่งพวกเขาอยู่เบื้องหลังทีมแข่ง Formula 1 ชื่อดังมากมาย ในฐานะผู้ผลิตเครื่องยนต์รถ F1

 

1990 พวกเขาสร้างรถที่เร็วที่สุดในโลก และมันมีชื่อว่า Diablo

ภายหลังการเข้ามาถึงของ Chrysler พวกเขาได้สร้างรถออกมารุ่นหนึ่งที่มีชื่อว่า Diablo โดยมันมีเครื่องยนต์แบบ V12 ขนาด 5.7 ลิตร ที่รีดแรงม้าออกมาได้มากถึง 492 แรงม้า และรถรุ่นนี้ถือได้ว่าเป็น “ตำนาน” อีกรุ่งหนึ่งของค่าย Lamborghini อีกทั้งมันยังเป็นรถที่เร็วที่สุดในสมัยนั้นอีกด้วย

Lamborghini Diablo
Lamborghini Diablo

 

1998 พวกเขาโดนเข้าซื้อกิจการอีกครั้งโดย Audi และพวกเขาได้ให้กำเนิดสุดยอด Supercars อย่าง Murciélago 

ในปี 1998 Lamborgini ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ Audi บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของเยอรมัน ซึ่งพวกเขาได้เปิดตัวรถรุ่นใหม่อย่าง Lamborghini Murciélago ในปี 2000 และรถรุ่นนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จนได้มีการสร้างเวอร์ชั่นพิเศษของรถรุ่นนี้ตามออกมาอีกหลายรุ่น

Lamborghini Murcielago LP670-4 SV
Lamborghini Murcielago LP670-4 SV

 

2003 Lamborghini Gallardo ซูเปอร์คาร์หัวใจ V10 เผยโฉมอย่างเป็นทางการ

Lamborghini Gallardo ถือได้ว่าเป็นรถอีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยในคราวนี้มันมาพร้อมกับหัวใจแบบ V10 แต่ยังคงให้กำลังแรงม้าที่สูงเช่นเดียวกับเครื่องยนต์ V12 อันลือชื่อของ Lamborghini โดยรถรุ่นนี้ถือได้ว่าเป็นรถรุ่นแรกของทางค่ายที่สามารถทำยอดขายได้มากกว่า 10,000 คัน

Lamborghini Gallardo
Lamborghini Gallardo

 

2011-2014 การมาถึงของคลื่นลูกใหม่ Aventador และ Huracan

หลังจากที่ Murciélago และ Gallardo สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับบริษัท ในปี 2011 พวกเขาได้เปิดตัวรถรุ่นใหม่ที่มีชื่อว่า Aventador ซึ่งเป็นตัวแทนของ Murciélago รวมถึงในปี 2014 พวกเขาได้เปิดตัว Huracan รถรุ่นใหม่ที่จะมาทำตลาดแทนที่ของ Gallardo นั่นเอง

Lamborghini Aventador
Lamborghini Aventador
Lamborghini Huracan
Lamborghini Huracan

และอย่างที่ทราบกันว่า ในปัจจุบัน Lamborghini ภายใต้การครอบครองของ Audi AG ยังคงสร้างสุดยอดรถ Supercars มาอย่างต่อเนื่อง และนี่คือประวัติศาสตร์ของแบรนด์รถ Supercars ที่ผ่านอะไรต่ออะไรมากมายในช่วง 60 ปีที่ผ่านมา 

 

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : en.wikipedia.org / history.com / grange.co.uk / autocar.co.uk

รับชมข่าวสารอื่นๆของ Lamborghini คลิกที่นี่

รับชมคลิปวีดีโอทดสอบรถของเรา คลิกที่นี

บทความที่น่าสนใจ

Nissan แสดงวิสัยทัศน์การขับเคลื่อนสู่อนาคต ผ่านเทคโนโลยีโลกเสมือนจริง ในงาน CES Asia 2019

idiot

ฉี่น้องหมากับล้อแม็ก ‘คู่กัด’ ที่หลายคนมองข้าม

idiot

Ford Mustang Mach 1 ซัดหนักบน Autobahn ด้วยความเร็ว 278 กิโลเมตร/ชั่วโมง

Nopkung

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy