หากพูดถึงเครื่องยนต์สันดาปภายในที่รถยนต์หรูหลากหลายแบรนด์ โดยเฉพาะรถยนต์ในฝั่งยุโรปนิยมใช้กันนั้น ชื่อของ “เครื่องยนต์ดีเซล” ต้องถูกพูดถึงเป็นอันดับแรกอย่างแน่นอน หลายคนบอกว่าเครื่องดีเซลนั้นประหยัดน้ำมัน และให้แรงบิดในรอบต่ำที่ดี เพราะอะไรถึงเป็นเช่นนั้น เรามีคำตอบให้ครับ แต่ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักหลักการทำงานง่ายๆของเครื่องยนต์ดีเซลกันก่อน
การทำงานของเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลนั้นจริงๆแล้วมีหลักการที่คล้ายๆกัน คือจะมีจังหวะการทำงาน 4 จังหวะ นั่นก็คือ ดูด , อัด , ระเบิด , คาย แต่เนื่องด้วยคุณสมบัติของน้ำมันดีเซล ที่มีค่าการทนทานต่อความร้อนมากกว่าน้ำมันเบนซิน จึงไม่สามารถใช้หัวเทียนในการจุดระเบิดได้ เครื่องยนต์ดีเซลจึงต้องออกแบบให้มีกำลังอัดของอากาศที่มากกว่าเครื่องยนต์เบนซิน เพื่อให้น้ำมันดีเซลสามารถติดไฟและระเบิดขึ้นได้ หรือที่เรียกว่า การจุดระเบิดด้วยการอัดตัว หรือ Compression Ignition Engine
จากเหตุผลข้างต้นที่กล่าวมา ด้วยอัตราส่วนกำลังอัดที่มีมากกว่าเครื่องยนต์เบนซิน รวมถึงคุณสมบัติเฉพาะตัวของน้ำมันดีเซล จึงทำให้เครื่องยนต์มีประสิทธิภาพทางความร้อนที่สูงกว่า ทำให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงน้อย และประหยัดน้ำมันมากกว่าเครื่องยนต์เบนซินนั่นเอง
ในเมื่อเครื่องยนต์ต้องการกำลังอัดที่มากขึ้น แน่นอนว่าชิ้นส่วนของเครื่องยนต์นั้นก็ต้องมีความหนา ทนทานแข็งแรงกว่าเครื่องยนต์แบบเบนซิน ซึ่งนี่เองเป็นสาเหตหนึ่งที่ทำให้รถยนต์ที่ใช้ขุมพลังดีเซลมีราคาที่สูงกว่ารถเครื่องยนต์เบนซินอยู่พอสมควร
ข้อดีของเครื่องยนต์ดีเซล
- เครื่องยนต์มีความทนทานสูงกว่าเครื่องยนต์เบนซิน เนื่องจากชิ้นส่วนที่ใช้ทำเครื่องยนต์มีความแข็งแรงและทนทานมากกว่า
- เครื่องยนต์มีประสิทธิภาพทางความร้อนที่สูงกว่าเครื่องยนต์เบนซิน จึงทำให้ประหยัดน้ำมันมากกว่า
- กำลังแรงบิดในรอบต่ำของเครื่องยนต์ดีเซลนั้นสูงกว่าเครื่องยนต์เบนซิน จึงเหมาะสมกับการบรรทุกหรือลากจูง
- ราคาน้ำมันดีเซลในประเทศไทย ถูกกว่าน้ำมันเบนซินอยู่พอสมควร
ข้อเสียของเครื่องยนต์ดีเซล
- มีราคาสูงกว่าเครื่องยนต์เบนซิน เนื่องจากวัสดุที่ใช้ทำเครื่องต้องมีความแข็งแรงและคงทนมากกว่า รวมถึงชิ้นส่วนต่างๆซึ่งมีมากกว่าเครื่องยนต์เบนซิน เช่น เทอร์โบชาร์จ และอินเตอร์คูลเลอร์
- มีแรงสันสะเทือนและเสียงดังจากเครื่องยนต์มากกว่าเครื่องยนต์เบนซิน
- ส่วนมากมักมีแรงม้าน้อยกว่าเครื่องยนต์เบนซิน (ในขนาดความจุเครื่องยนต์เท่ากัน)
- ปล่อยมลพิษและฝุ่น PM2.5 มากกว่า
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจากจาก : caranddriver.com / motor1.com / bmwblog.com