Ford Ranger เจเนอเรชันใหม่ ได้รับการเผยโฉมแล้วอย่างเป็นทางการ มาพร้อมรูปโฉมภายนอกที่ดุดัน ภายในอัดแน่นด้วยเทคโนโลยี หน้าจอแนวตั้งขนาดใหญ่เต็มตา และตัวเลือกขุมพลังที่มีทั้งเบนซินและดีเซล
ในช่วงแรก Ranger เจเนอเรชันใหม่ ได้ถูกเผยโฉมออกมาพร้อมกับ 2 รุ่นย่อยได้แก่ รุ่น Sport สำหรับการลุยในแบบสมบุกสมบัน และรุ่น Wildtrak สำหรับผู้รักการผจญภัย ซึ่งสะท้อนความต้องการด้านการใช้งานและความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย
ดีไซน์ภายนอกมาในแนวดุดัน และสะท้อนดีเอ็นเอของรถกระบะ Ford ตั้งแต่กระจังหน้าใหม่ ไฟหน้ารูปทรงตัว C และถือเป็นครั้งแรกที่ Ranger มีไฟหน้าแบบเมทริกซ์ แอลอีดี เส้นสายบริเวณด้านข้างของตัวรถเชื่อมต่อไปยังซุ้มล้ออย่างโดดเด่น ส่วนด้านหลังมาพร้อมไฟท้ายที่มีการออกแบบสอดรับกับไฟหน้าที่เป็นรูปตัว C และโลโก้ตัวประทับ RANGER ขนาดใหญ่บริเวณฝาท้าย
กระบะท้ายยังตอบโจทย์การใช้งานหลากหลาย ด้วยการออกแบบพื้นที่ใช้สอยใหม่ๆ และให้การขึ้น-ลงที่สะดวกสบายขึ้นกว่าเดิมด้วยบันไดเหยียบข้างกระบะท้าย อีกทั้งยังมียางปูพื้นท้ายกระบะเนื้อหนาที่ช่วยทั้งป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดกับพื้นกระบะ หูยึดกระบะบริเวณราวเหล็กเพื่อให้คาดเชือกหรือผ้าใบยึดสัมภาระได้หนาแน่นมากขึ้น และมีวัสดุหุ้มขอบกระบะครอบคลุมทั้งด้านข้างและบนฝากระบะท้าย
ภายใต้ตัวรถที่ออกแบบขึ้นใหม่ยังมีแชสชีสที่แข็งแกร่งขึ้นบนฐานล้อที่มีความยาวขึ้น 50 มิลลิเมตร และความกว้างเพิ่มขึ้นอีก 50 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับ Ranger รุ่นก่อนหน้า ในขณะเดียวกันทีมวิศวกรยังได้ขยับให้ล้อหน้าขึ้นมาด้านหน้าอีก 50 มิลลิเมตร เพื่อเพิ่มมุมเงย และปรับจูนช่วงหน้าให้รองรับการขับขี่แบบออฟโรดให้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังย้ายโช๊คหลังไปไว้ด้านนอกเพลาเพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารนั่งได้สบายขึ้นทั้งการขับขี่บนทางเรียบและออฟโรด
ห้องโดยสารถูกยกระดับด้วยการเลือกใช้วัสดุที่หรูหรา ให้สัมผัสนุ่มสบาย อัดแน่นด้วยระบบเชื่อมต่อการสื่อสารและความบันเทิงไม่ว่าจะเป็นหน้าจอแบบสัมผัสแนวตั้งขนาด 10.1 หรือ 12 นิ้ว รองรับระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 4 ระบบความบันเทิง และระบบแสดงข้อมูล ขนาบข้างด้วยช่องแอร์ที่มีดีไซน์คล้ายกับกระจังหน้า เบาะนั่งแถวที่ 2 ปรับพับราบได้ มีที่เก็บของใต้เบาะที่นั่ง และช่องแอร์ด้านหลังคอนโซลกลาง
นอกจากนี้ Ford ยังติดตั้งโมเด็มมาในตัวเพื่อเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันฟอร์ดพาส ช่วยให้เชื่อมต่อการสื่อสารกับรถได้ตลอดเวลา พร้อมด้วยฟีเจอร์ที่น่าสนใจ ทั้งการสตาร์ทรถจากระยะไกลตรวจเช็คข้อมูลสภาพรถเบื้องต้น และสามารถล็อคและปลดล็อคจากระยะไกลได้ผ่านสมาร์ทโฟน
Ranger เจเนอเรชันใหม่ มาพร้อมตัวเลือกเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบเดี่ยวและเทอร์โบคู่ 2.0 แบบสี่สูบ รวมถึงเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.0 ลิตร ใหม่ในบางตลาด โดยเครื่องยนต์เทอร์โบเดี่ยวมีสมรรถนะให้เลือก 2 แบบ พร้อมส่งมอบกำลัง แรงบิด และการประหยัดน้ำมัน ส่วนเครื่องยนต์เทอร์โบคู่มอบประสบการณ์ที่เหนือชั้นขึ้นไปอีก สำหรับลูกค้าที่ต้องการกำลังที่แรงกว่า แต่ยังคงประหยัดเชื้อเพลิง
ระบบเกียร์ยังได้รับการพัฒนาไปอีกขั้น โดยมีตัวเลือกเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด หรือธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่มีให้เลือก 2 ระบบ ได้แก่ ระบบเปลี่ยนเกียร์อิเล็กทรอนิกส์แบบ Shift-On-The-Fly และระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะแบบเต็มเวลา (set-and-forget mode)
Ford Ranger เจเนอเรชันใหม่ จะผลิตขึ้นที่โรงงานฟอร์ดในประเทศไทยและแอฟริกาใต้ โดยจะเริ่มผลิตในปี 2022 ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และการเปิดตัวของแต่ละประเทศจะมีการแจ้งในโอกาสต่อไป