หลังจากได้มีการเปิดตัวรุ่นตัวถัง 2 ประตูคูเป้ และตัวถังเปิดประทุนคาบริโอเล็ตไปแล้วก่อนหน้านี้ ล่าสุด Porsche ก็ได้แนะนำ Porsche 911 Targa 4 และ 911 Targa 4S ทายาทรุ่นล่าสุดของ อนุกรม 911ใหม่ ที่มาพร้อมสไตล์โดดเด่นเช่นเดียวกับ Porsche Targa รุ่นปี 1965
การออกแบบภายนอกของ Porsche 911 Targa ยังคงสะท้อนบุคลิกภาพงานออกแบบเป็นเอกลักษณ์ เฉพาะตัวของรหัสตัวถังเจเนอเรชันที่ 8 รหัสตัวถัง 992 เอาไว้อย่างครบถ้วนเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้าเห็นได้ชัดถึง แนวโค้งของซุ้มล้อรวมทั้งไฟหน้าแบบ LED ที่โดดเด่นยิ่งขึ้นเส้นสายของฝากระโปรงที่ดำเนินรอยตามงานออกเเบบดั้งเดิมจาก Porsche 911 รุ่นแรก
ตัวถังด้านท้ายขยายกว้างขึ้น สร้างสัมผัสทางสายตาที่หลากหลายด้วยสปอยเลอร์ หลังที่ซ่อนตัวแนบสนิทกลมกลืนกับแผง light bar หรูหรามีระดับส่วนประกอบของตัวถังทุกจุดผลิตขึ้นด้วยวัสดุอะลูมิเนียม เว้นไว้แค่เพียงชิ้นส่วนตัวถังด้านหน้าและด้านท้ายเท่านั้น
ส่วนการตกแต่งภายในห้องโดยสาร แสดงออกถึงความเป็นยนตรกรรมสปอร์ตสายพันธุ์แท้ของ Porsche 911 Carrera โดยไม่มีขาดตกบกพร่อง ด้วยเส้นสายที่ชัดเจน สะอาดตา ไม่ว่าจะเป็นแผงคอนโซลหน้าหรือการจัดวาง ตำแหน่ง อุปกรณ์ต่างๆ และนี่คืออีกหนึ่งแรงบันดาลใจที่ได้รับสืบทอดมาจาก Porsche 911 ตั้งแต่ยุค 1970s
แผงหน้าปัดที่มีมาตรวัดรอบการทำงานของเครื่องยนต์อยู่บริเวณกึ่งกลางเอกลักษณ์ประจำตัวของปอร์เช่ทุกรุ่น ประกอบด้วยหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ทั้ง 2 ฝั่งชุดสวิทช์ควบคุมจำนวน 5 ปุ่มอำนวยความสะดวกในการสั่งงานฟังก์ชันที่สำคัญ ของตัวรถติดตั้งบริเวณด้านล่างของหน้าจอสัมผัสความละเอียดสูงขนาด 10.9 นิ้ว ซึ่งเป็นศูนย์กลางของระบบความ บันเทิงและติดต่อสื่อสาร Porsche Communication Management (PCM)
The new Porsche 911 Targa ยังคงรักษาเอกลักษณ์อันแตกต่างด้วยนวัตกรรมสุดล้ำของตัวถังทาร์กา (Targa) ติดตั้งระบบหลังคาอัตโนมัติควบคุมการทำงานของหลังคาประทุน ที่มีสไตล์โดดเด่นเหนือระดับเฉกเช่นเดียวกับ Porsche Targa รุ่นปี 1965 แนวหลังคาทรงโค้งที่สามารถเปิดรับสัมผัสแห่งธรรมชาติได้บริเวณเบาะนั่งคู่หน้าทอดตัวโอบล้อมครอบคลุมจรดบานกระจกบังลมหลังสั่งการเปิดและปิดได้อย่างสะดวกสบาย ภายในระยะเวลาอันรวดเร็วเพียง 19 วินาทีเท่านั้น
ขุมพลังมาพร้อมเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 6 สูบนอน ขนาด 3.0 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จเจอร์คู่ โดยในรุ่น 911 Targa 4 ให้พละกำลังสูงสุดที่ 385 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร เมื่อติดตั้งอุปกรณ์พิเศษ ชุดแต่งเพิ่มสมรรถนะ Sport Chrono package ให้อัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งไปยังระดับความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลา 4.2 วินาที ซึ่งเร็วขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 10% ในส่วนความเร็วสูงสุดทำได้ที่ 289 กิโลเมตรตร่อชั่วโมง (เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า 2 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)
สำหรับรุ่น 911 Targa 4S ถูกยกระดับความแรงขึ้นอีกด้วยกำลังสูงสุดถึง 450 แรงม้า แรงบิดสูงสุดกว่า 530 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาเพียง 3.6 วินาที หรือเร็วขึ้นถึง 40% เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นที่ผ่านมา สามารถทะยานทะลุพิกัดความเร็วสูงสุดได้ถึง 304 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า 3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)
โดยทั้ง 2 รุ่น ติดตั้งระบบเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะคลัทช์คู่ (PDK) 8 จังหวะ พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา all-wheel drive Porsche Traction Management (PTM) เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
เทคโนโลยีล้ำสมัยมากมายอัดแน่นอยู่ใน Porsche 911 ทั้ง 2 รุ่น รองรับอรรถประโยชน์สูงสุดในการใช้งานประจำวันด้วยฟังก์ชัน Smartlift ตั้งค่าระดับความสูงใต้ท้องรถเพื่อตอบสนองต่อการเดินทางได้อย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมกับอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษมากมายจาก Porsche Tequipment และสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่บ่งบอกความเป็นตัวตนของคุณด้วยชุดแต่งจาก Porsche Exclusive Manufaktur
มั่นใจในการถ่ายทอดสมรรถนะลงสู่พื้นถนน ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel drive ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ล่าสุด ทั้งในส่วนของเพลาขับหน้าชุดคลัทช์และเฟืองท้ายซึ่งมีการระบายความร้อนด้วยน้ำและเสริมความแข็งแกร่งให้กับแผ่นจาน คลัทช์ภายใน เพื่อความนุ่มนวลในการส่งกำลัง รวมทั้งความทนทานในการรับภาระที่เพิ่มขึ้น ชุดคลัทช์ของเพลาขับหน้า ได้รับการปรับแต่งให้รองรับแรงบิด พร้อมส่งต่อได้อย่างรวดเร็วแม่นยำ นอกจากนี้ ระบบ Porsche Traction Management (PTM) ยังเข้ามารับหน้าที่ควบคุมการกระจายแรงบิดของเพลาขับหน้า ให้มีความเหมาะสมในทุกสภาพเส้นทาง
ระบบช่วงล่างที่ให้ทั้งความนุ่มนวลและความปลอดภัย ด้วยระบบควบคุมการทำงานของโช้คอัพด้วยอิเล็กทรอนิกส์ Porsche Active Suspension Management (PASM) คือหนึ่งในอุปกรณ์มาตรฐานประจำตัวของ The new Porsche 911 Targa ระบบดังกล่าวจะทำการปรับตั้งอัตราการตอบสนองของโช้คอัพโดยคำนึงถึงการขับขี่ที่นุ่มนวล และสมรรถนะการบังคับควบคุมไปพร้อมกันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ในขณะนั้นสามารถเลือกรูปแบบได้ถึง 2 ลักษณะ คือ Normal และ Sport ในส่วนของระบบ Porsche Torque Vectoring Plus (PTV Plus) ซึ่งรวมอยู่ในชุดเฟืองท้าย electronic rear differential lock สามารถกระจายแรงบิดที่ส่งไปยังล้อขับเคลื่อนได้อย่างอิสระแน่นอนว่านี่เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์มาตรฐานที่ได้รับการติดตั้งลง ในรุ่น Targa 4S และเป็นอุปกรณ์พิเศษที่สามารถสั่งติดตั้งเพิ่มเติมได้ในรุ่น Targa 4
นอกจากนี้ Targa ทุกรุ่นได้รับการติดตั้งระบบ Porsche Wet mode เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เช่นเดียวกับ 911 เจอเนอเรชันที่ 8 ทุกคัน เซนเซอร์ของระบบดังกล่าวภายในซุ้มล้อหน้า ทำหน้าที่ตรวจจับปริมาณน้ำที่ขังอยู่บนพื้นถนน ในกรณีที่ปริมาณน้ำมีมากจนส่งผลต่อการบังคับควบคุม ผู้ขับขี่จะได้รับสัญญาณเตือนและคำแนะนำให้เปลี่ยนรูปแบบ การขับขี่ไปยัง Wet mode การตอบสนองของตัวรถจะปรับสภาวะต่างๆ เข้าสู่ระดับที่เน้นเสถียรภาพ และการยึดเกาะสูงสุด
ประสิทธิภาพการขับขี่สไตล์สปอร์ตของ Porsche 911 Targa 4 ส่วนหนึ่งจากยางรถยนต์สมรรถนะสูงขนาด 235/40 ZR บนล้ออัลลอยด์คู่หน้าขนาด 19-นิ้ว และยางขนาด 295/35 ZR บนล้อคู่หลังขนาด 20-นิ้ว เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน สำหรับรุ่น Porsche 911 Targa 4S ติดตั้งยางขนาด 245/35 ZR บนล้อคู่หน้า 20-นิ้ว และยาง 305/30 ZR บนล้อคู่หลัง 21 นิ้ว
ส่วนของระบบเบรก รุ่น Porsche 911 Targa 4 สยบความเร็ว ด้วยจานเบรกคู่หน้าขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 330-มิลลิเมตร พร้อมคาลิเปอร์เบรกโมโนบล็อก 4 ลูกสูบ สีดำ และ Porsche 911 Targa 4S ประจำการด้วยคาลิเปอร์เบรกสีแดง ขนาด 6 ลูกสูบ ในล้อคู่หน้า และ 4 ลูกสูบในล้อคู่หลัง ประกบกับจากเบรกขนาดมหึมา เส้นผ่านศูนย์กลาง 350 มิลลิเมตร และยังสามารถเลือกสั่งติดตั้งระบบ Porsche Ceramic Composite Brake (PCCB) เป็นอุปกรณ์พิเศษเพิ่มเติมได้ตามต้องการ
- Porsche 911 Targa 4 : อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 10.3 กิโลเมตรต่อลิตร หรือ 9.7 ลิตร ต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 222 กรัมต่อกิโลเมตร
- Porsche 911 Targa 4S : อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 10.3 กิโลเมตรต่อลิตร หรือ 9.7 ลิตร ต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 222 กรัมต่อกิโลเมตร
The new Porsche 911 Targa จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้