มิชลินเผยโฉมยางรถจักรยานยนต์ “มิชลิน ไพลอต สตรีท 2” (MICHELIN Pilot Street 2) ภายใต้แนวคิด “มั่นใจทั้งบนถนนแห้งและถนนเปียก” ชูสมรรถนะที่ให้ความมั่นใจเหนือกว่าทั้งบนถนนแห้งและถนนเปียก โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์สไตล์สปอร์ต และทนทานยาวนานด้วยดอกยางดีไซน์ใหม่
ออกแบบมาสำหรับรถจักรยานยนต์และรถสกูตเตอร์ที่ใช้ยางขอบ 10, 14, 16 และ 17 นิ้ว โดยเหมาะสำหรับผู้ขับขี่ที่ใช้รถจักรยานยนต์ในชีวิตประจำวันและมองหายางที่ตอบโจทย์รอบด้าน มีอายุการใช้งานยาวนานด้วยนวัตกรรมดอกยางดีไซน์ใหม่ ตลอดจนสวยงามเตะตาด้วยรูปลักษณ์สไตล์สปอร์ต
มร.รอสส์ ชีลส์ (Ross Shields) ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ 2 ล้อ ประจำภูมิภาคเอเชียของมิชลิน เปิดเผยว่า “ยาง MICHELIN Pilot Street 2 จะวางตลาดแทนที่ยาง มิชลิน บ็อบเปอร์ (MICHELIN BOPPER), มิชลิน เอส 1 (MICHELIN S1), มิชลิน ไพลอต สปอร์ตตี้ (MICHELIN Pilot Sporty) และ มิชลิน ไพลอต สตรีท (MICHELIN Pilot Street) ในตลาดเกิดใหม่ที่สำคัญๆ โดยมุ่งเจาะกลุ่มผู้ขับขี่สายสปอร์ตที่ใช้รถจักรยานยนต์ในชีวิตประจำวัน”
ภายใต้แนวคิด “มั่นใจทั้งบนถนนแห้งและถนนเปียก” ยาง MICHELIN Pilot Street 2 มาพร้อมนวัตกรรมทางเทคนิคล่าสุด ได้แก่
สำหรับยางหน้า
- ร่องรีดน้ำด้านข้างบริเวณไหล่ยางที่ขยายตัวกว้างขึ้นได้ (Gradually-Widening Shoulder Grooves) เพื่อเพิ่มสมรรถนะบนถนนเปียกโดยเฉพาะ
- ร่องดอกยางแนวแกนยางที่พาดเป็นเส้นตรงตลอดรอบเส้นยาง (Central Circumferential Groove) เพื่อเสริมสมรรถนะการขับขี่ท่ามกลางสภาพอากาศที่เปียกเฉอะแฉะ ตลอดจนเพื่อให้ประสิทธิภาพการควบคุมรถและความคล่องตัวสูงสุด
สำหรับยางหลัง หรือยางที่ใช้ติดตั้งได้ทั้งล้อหน้าและล้อหลัง (ขึ้นอยู่กับขนาด)
- ร่องดอกยางขนาดเล็กตามแนวแกนยาง (Small Centre Grooves) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรีดน้ำ เสริมสมรรถนะในการยึดเกาะถนนแห้ง และยืดอายุการใช้งาน
ผลการทดสอบซึ่งได้รับการรับรองโดย TUV ชี้ให้เห็นว่า ยาง MICHELIN Pilot Street 2 ให้สมรรถนะในการยึดเกาะถนนแห้งเหนือกว่ายางคู่แข่งที่ร่วมในการทดสอบเดียวกัน สำหรับการทดสอบสมรรถนะบนถนนเปียกซึ่งดำเนินการอย่างเป็นอิสระโดย TUV พบว่า ยาง MICHELIN Pilot Street 2 ทำเวลาต่อรอบในการวิ่งบนสนามแข่งระยะทาง 1.2 กิโลเมตร ที่มีพื้นผิวเปียก ได้เร็วกว่ายางคู่แข่งรายหลักอยู่ที่ 4.4 วินาที
ในประเทศไทย ยาง MICHELIN Pilot Street 2 จะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2562 เป็นต้นไป โดยมีให้เลือกใช้เป็นยางล้อหน้า 13 ขนาด และยางล้อหลัง 12 ขนาด (ขอบ 10-17 นิ้ว) โดยสามารถใช้งานร่วมกับรถจักรยานยนต์และรถสกูตเตอร์ได้หลากหลายรุ่น