รถยนต์ที่ใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติ มีความปลอดภัยมากน้อยเพียงใด เพราะหากยังจำได้ที่เคยมีข่าวคราวที่เกี่ยวกับนายพลทหารและนายพันตำรวจ เกิดอุบัติเหตุอยู่ในรถยนต์ซึ่งพุ่งตกลงมาจากอาคารจอกรถแห่งหนึ่ง จากนั้นรายงานข่าวจากสำนักต่างๆ ก็ว่ากันไปตามแต่ที่จะมีการแสดงความเห็นกัน หลายๆ แห่งที่กล่าวอ้างว่า น่าจะมาจากสาเหตุของความผิดพลาดในระบบเกียร์อัตโนมัติ บางรายงานบอกว่าน่าจะเกิดจากการที่คนขับไม่ชำนาญกับเกียร์อัตโนมัติจึงอาจจะสตาร์ทเครื่องยนต์โดยเกียร์อยู่ในตำแหน่ง D ดังนั้นพอเครื่องยนต์ติดทำงานขึ้นมา ผู้ขับก็เลยเหยียบคันเร่งแล้วรถจึงกระโจนออกไปชนกำแพงจากนั้นก็ตกลงไปข้างล่าง เรียกว่าเขียนหรือรายงานข่าวกันไปตามแต่ความรู้ความสามารถด้านเครื่องยนต์ของแต่ละคนเท่าที่มีอยู่จะวินิจฉัยออกมาได้ แต่อย่างน้อยก็สามารถสร้างความปั่นป่วนให้กับผู้ที่เพิ่งเริ่มใช้รถยนต์เกียร์อัตโนมัติได้พอสมควร
ก่อนอื่นคงจะต้องมาทำความเข้าใจในเรื่องของเกียร์อัตโนมัติกันก่อน ว่ามีระบบการทำงานกันอย่างไร และมีความปลอดภัยมากน้อยเพียงใด ไม่อย่างนั้นผู้ใช้รถอาจจะเกิดความตระหนกกันจนเกินกว่าเหตุไปได้ จากสถิติการจำหน่ายรถยนต์เก๋งในกรุงเทพฯ ปรากฏว่ารถที่ใช้เกียร์อัตโนมัติ มีสัดส่วนที่ขายออกไปมากกว่าเกียร์ธรรมดา ซึ่งยอดการจำหน่ายรถยนต์เกียร์อัตโนมัตินั้นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ขนาดรถยนต์กระบะในปัจจุบัน ยังเริ่มมีการผลิตเกียร์อัตโนมัติออกมาจำหน่ายกันมาขึ้นทุกขณะ
เกียร์อัตโนมัตินั้นออกมาสู่ตลาด เพื่อตอบสนองความสะดวกสบาย เป็นทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการความสะดวกสบายขณะขับรถมากกว่าที่จะเลือกเอาความสนุกสนานและความมันส์ในอารมณ์ ดังนั้น ระยะแรกที่เข้ามาเมืองไทยเรื่องของเกียร์อัตโนมัติจึงเป็นเรื่องที่ผู้ใช้รถยนต์ ต่างไม่อยากจะเข้าไปมีส่วนเป็นเจ้าของ เพราะเห็นว่านอกจากจะมีราคาแพงแล้ว ยังซ่อมไม่ได้ง่ายๆ แถมยังกินน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่า และสำคัญที่สุดคือ อัตราเร่งไม่ดี ที่เรียกกันว่าขับไม่สนุกนั่นเอง
แถมเกียร์อัตโนมัติในระยะแรกๆ นั้น ยังมีความทนทานไม่มากนัก มีความผิดพลาดเกิดขึ้นสูง จึงสมควรที่จะให้ผู้ใช้งานเกิดความกลัวต่างกับเกียร์อัตโนมัติในปัจจุบัน ที่นอกจากจะสามารถใช้งานได้ง่ายและสะดวกแล้ว ยังสามารถปรับและเปลี่ยนจังหวะเกียร์ ซึ่งกระทำได้ทั้งจากผู้ขับขี่เองแบบเดียวกับเกียร์ธรรมดา และปล่อยให้หน่วยอิเล็กทรอนิกส์ควบคุมความจำ เป็นผู้ปรับเปลี่ยนอัตราทดให้ตามความเหมาะสมอีกด้วย ซึ่งมีหลายยี่ห้อ ที่ถึงขนาดบันทึกลักษณะการขับของผู้ขับขี่เอาไว้ แล้วมีการเปลี่ยนจังหวะเกียร์ตามความถนัดของผู้ขับที่ได้บันทึกไว้ในหน่วยความจำ
เกียร์อัตโนมัติยุคปัจจุบัน มีระบบเพื่อความปลอดภัยตั้งแต่เริ่มต้นใช้งาน โดยส่วนมากแล้วผู้ขับจะไม่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้หากว่าเกียร์ไม่อยู่ในตำแหน่ง P ซึ่งเป็นตำแหน่งการจอดรถ โดยมีการล็อกความเคลื่อนไหวของล้อเอาไว้ คล้ายๆ กับใส่เบรกมือเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง บางยี่ห้ออาจจะอนุโลมให้สตาร์ทเครื่องยนต์ได้ในจังหวะที่อยู่ N นอกเหนือไปจาก P เช่นยี่ห้ออื่นๆ แต่ส่วนมากแล้ว ปัจจุบันนี้มักจะให้สตาร์ทได้ที่ตำแหน่ง P เพียงตำแหน่งเดียว
อีกทั้งเมื่อสตาร์ทจนเครื่องยนต์ติดแล้วนั้นการที่จะโยกคันบังคับเกียร์จาก P มาเป็น D นั้น ยังจะต้องลากผ่านตำแหน่ง R,N แล้วจึงเข้ามาที่ D ซึ่ง ผู้ขับขี่จะต้องบีบหรือกดปุ่มที่หัวเกียร์ด้วย ไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถลากคันเกียร์ให้หลุดออกจากตำแหน่ง P ได้เป็นอันขาด ยกเว้นรถยนต์จากยุโรปบางยี่ห้อ เช่น เมอร์เซเดส-เบนซ์ หรือเปอร์โยต์ 406 เป็นต้น ซึ่งในรถยนต์ที่ยกเว้นเหล่านั้นร่องทางเดินของคันเกียร์ มักจะเป็นหยักคล้ายขั้นบันใด
แต่ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบใดก็ตาม การใช้รถเกียร์อัตโนมัติอย่างปลอดภัยนั้น เมื่อต้องการจะผลักเกียร์ไปที่ตำแหน่งเดินหน้าหรือถอยหลังก็ตามหากว่ารถจอดอยู่กับที่แล้วต้องการขับเคลื่อน ควรที่จะเหยียบแป้นเบรกเอาไว้ก่อนที่จะโยกคันเกียร์ให้มาอยู่ที่ตำแหน่งขับเคลื่อน จากนั้นจึงปล่อยเท้าจากแป้นเบรกมาเหยียบที่แป้นคันเร่งในภายหลัง เพื่อให้รถเคลื่อนที่ไปตามต้องการ และเมื่อต้องการจอดรถไม่ว่าจะเป็นการจอดติดสัญญาณไฟแดง หรือจอดเพื่อการอื่นก็ตาม หากเห็นว่าต้องจอดเป็นเวลาเกินกว่าสองนาทีขึ้นไปโดยประมาณ ก็ให้โยกคันเกียร์กลับไปที่ตำแหน่ง P ดังเดิม โดยก่อนที่จะโยกคันเกียร์ไปนั้น ก็ให้เหยียบแป้นเบรกเอาไว้เช่นกัน ยกเว้นแต่การหยุดรถชั่วขณะในระยะเวลาสั้นๆ ก็อนุโลมให้……….ไว้ในตำแหน่ง D ได้ โดยเหยียบแป้นเบรกเอาไว้ก็พอ ความปลอดภัยเกียร์อัตโนมัติอีกอย่างหนึ่งก็คือ ผู้ขับไม่มีโอกาสที่จะเข้าเกียร์ผิดตำแหน่งโดยง่ายอีกทั้งมีรถยนต์ที่ใช้เกียร์อัตโนมัติมากมายที่ไม่สามารถถอดเอาลูกกุญแจออกมาได้หากว่าคันเกียร์ไม่ถูกโยกไปที่ตำแหน่ง P ยกเว้นแต่จะมีการถอดสลักด้วยกรรมวิธีเฉพาะตัวของรถในยี่ห้อนั้นๆ
กล่าวได้ว่ารถยนต์ที่ใช่เกียร์อัตโนมัติยุคนี้ มีความปลอดภัยมากกว่ารถยนต์ที่ใช้เกียร์ธรรมดาเสียด้วยซ้ำไป ดังนั้นจึงไม่น่าเกิดความวิตกมากนักในเรื่องของความปลอดภัยของเกียร์อัตโนมัติดังกล่าว ซึ่งจากเรื่องอุบัติเหตุดังกล่าว มีข้อสันนิษฐานเอาจากรายงานข่าวที่มีตรงกันว่า รถคันดังกล่าวนั้นไม่ได้ขับลงมาจากชั้นที่ 5 ของอาคารด้วยความเร็วสูง แล้วมาตกลงชั้นที่ 3 ของอาคาร จึงน่าจะเป็นไปได้ว่า ขณะที่ขับลงมาตามอาคารจอดรถนั้น เมื่อมีการหักพวงมาลัยเลี้ยววนตามตัวอาคารลงมาด้วยความเร็วสูงสิ่งของที่วางเอาไว้ตามคอนโซล หรือตามแดซบอร์ดหน้าอาจจะถูกแรงเหวี่ยงของตัวรถเมื่อเลี้ยวโค้ง ทำให้เลื่อนไหลไป หรืออาจจะตกลงมาข้างล่างผู้ขับคงจะก้มลงไปเก็บหรือหยิบเมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็หักหลบกำแพงไม่ทันจึงชนกำแพงแล้วตกลงมา หรืออีกเหตุผลหนึ่งก็คือ ขณะที่ขับรถเลี้ยววกวนลงมาตามทางบนตัวอาคารนั้น สิ่งของที่เก็บเอาไว้ตามพื้นรถ อาจจะไหลออกมาแล้วก็เข้าไปขวางอยู่ที่แป้นเบรก ทำให้ผู้ขับขี่ไม่สามารถเบรกชะลอความเร็วได้ จากนั้น…….ทำให้เกิดอุบัติเหตุ
อุทาหรณ์เรื่องนี้จึงพอจะเป็นสิ่งที่เตือนผู้ขับรถได้อย่างหนึ่งว่า อย่าเก็บสิ่งของเอาไว้ตามใต้เบาะให้มากนัก เช่น สุภาพสตรีหลายรายจะชอบการถอดรองเท้าแล้วเสียบซุกเอาไว้ที่ใต้เบาะ อันอาจจะไหลมาได้ดังตัวอย่างที่ผมยกมานี้ หากหาที่เก็บสัมภาระที่เหมาะสมไม่ได้ เอาไปไว้ที่ฝั่งซ้ายหรือฝั่งคนโดยสารจะปลอดภัยกว่า แต่วิธีดีที่สุด คือไม่ควรเก็บสัมภาระอะไรมากมายที่พื้นจะดีกว่า อุบัติเหตุจะลดลงได้ถ้าเราทุกคนช่วยกันป้องกัน และไม่ตกอยู่ในความประมาท