PTT OR (พีทีที โออาร์) สนับสนุนเกษตรกรไทยผู้ปลูกปาล์ม ลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม และเร่งขยายการจำหน่ายน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 ไปทั่วประเทศ
กระทรวงพลังงานได้ประกาศให้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 เป็นน้ำมันดีเซลเกรดมาตรฐานของไทย เพิ่มขึ้นอีก 1 ประเภท และมีแผนงานให้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 เป็นน้ำมันประเภทหลักของไทยในปี 2564 ทดแทนน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 โดยในระยะแรก PTT OR จะจำหน่ายน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 ในสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ทุกแห่งในภาคใต้ และขยายไปยังภาคตะวันออก ซึ่งจะมีสถานีบริการน้ำมันที่จำหน่ายน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 รวม 340 สถานีในปี 2562
ทั้งนี้ด้วยสัดส่วนของไอดีเซล บี 100 ที่สูงขึ้น ทำให้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 มีการเผาไหม้สมบูรณ์ ลดควันดำได้ร้อยละ 42 ลดฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 ได้ร้อยละ 3.5 จึงสามารถช่วยลดมลพิษ และ “ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม”
ปัจจุบันน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 จะมีราคาถูกกว่าน้ำมันดีเซลธรรมดา 1 บาทต่อลิตร จึง “คุ้มค่า” ช่วยลดค่าใช้จ่ายของผู้ใช้รถดีเซล โดยประเภทรถยนต์ที่ค่ายรถยนต์ให้การรับรองว่าสามารถเติมน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 ได้ จะเป็นกลุ่มรถยนต์ดีเซลทั่วไป ได้แก่ รถกระบะ รถตู้ และรถอเนกประสงค์
นอกจากนี้กระทรวงพลังงานจะใช้มาตรการกลไกด้านราคาทำให้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 มีราคาขายปลีกต่ำกว่าน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 7 ซึ่งมั่นใจว่า ด้วยกลไกด้านราคานี้จะสามารถจูงใจผู้ใช้รถดีเซลให้หันมาใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 และทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มดิบเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ปาล์มน้ำมันของประเทศ โดยจะทำให้มีการใช้น้ำมันปาล์มดิบรวม 2 ล้านตันต่อปี จากปัจจุบันที่อยู่ประมาณ 1.5 ล้านตันต่อปี
PTT OR คาดว่าในระยะแรกจะสามารถจำหน่ายน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 ได้ 3.2 ล้านลิตรต่อวัน ทำให้มีการใช้ไบโอดีเซล บี100 ในการผลิตน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 มากถึง 300,000 ลิตรต่อวัน อันจะเป็นปริมาณที่สามารถช่วยลดการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศได้ และทำให้สามารถช่วยดูดซับปริมาณน้ำมันปาล์มดิบได้เพิ่มอีก 92,000 ตันต่อปี เป็นการสร้างประโยชน์ในด้าน “การลดการนำเข้านำมันดิบ และช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน”
สำหรับแผนงานการเพิ่มการจำหน่ายน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 PTT OR ยังคงขยายจำนวนสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ที่จำหน่ายน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 56 แห่ง และจะเพิ่มเป็น 100 แห่ง ทั่วประเทศภายในปี 2562