Nissan Serena s-hybrid (C27) ถึงแม้จะเป็นรุ่นที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยในช่วงปลายปี 2024 ในฐานะรถ CBU นำเข้าจากมาเลเซีย และมีรุ่นใหม่ e-Power (C28) เปิดตัวตามมาในช่วงกลางปี 2025 แต่ด้วยราคาที่แตกต่างกันถึง 221,000 บาท (C27: 1,469,000 บาท, C28: 1,690,000 บาท) ทำให้ C27 ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าพิจารณาสำหรับรถยนต์ Mini MPV อเนกประสงค์สำหรับครอบครัว
ขุมพลังและระบบ s-hybrid

Serena s-hybrid (C27) ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1,997 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมระบบ Adaptive Shift Control (ASC) และรองรับน้ำมัน Gasohol E10
เทคโนโลยี s-hybrid (Simple & Smart)

ระบบ s-hybrid คือเทคโนโลยี Mild-Hybrid (ไฮบริดแบบไม่เต็มรูปแบบ) ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็ก (ECO Motor) ให้กำลัง 2.6 แรงม้า และแรงบิด 48 นิวตันเมตร เข้ามาเสริมการทำงานของเครื่องยนต์เบนซิน
-
-
หลักการทำงาน: มอเตอร์ไฟฟ้าจะช่วยเพิ่มกำลังในจังหวะ ออกตัว หรือ เร่งความเร็วต่ำ เพื่อให้การออกตัวราบรื่นและช่วยประหยัดน้ำมันได้เล็กน้อย
-
การเก็บพลังงาน: ไม่ต้องชาร์จจากภายนอก โดยระบบจะเก็บพลังงานไฟฟ้าไว้ในแบตเตอรี่ 12 โวลต์ ขนาด 27 Ah (เพิ่มเติมจากแบตเตอรี่หลัก) ซึ่งได้จากการ เบรก หรือขณะที่เครื่องยนต์ทำงาน
-
ภายนอกและมิติตัวรถ

Nissan Serena s-hybrid จัดอยู่ในกลุ่ม Mini MPV รถครอบครัวอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ที่มีขนาดตัวรถกำลังพอเหมาะและมีความคล่องตัวสูง
| มิติภายนอก | ขนาด |
| ความยาว | 4,770 มิลลิเมตร |
| ความกว้าง | 1,740 มิลลิเมตร |
| ความสูง | 1,865 มิลลิเมตร |
| ความยาวฐานล้อ | 2,860 มิลลิเมตร |
| น้ำหนัก | 1,710 กิโลกรัม |
| รัศมีวงเลี้ยวต่ำสุด | 11-11.4 เมตร |
-
ดีไซน์: รูปทรงเป็นกล่องทรงสูง แต่มีการวางเส้นสายให้ดูไม่เป็นเหลี่ยมสันมากเกินไป กระจังหน้าเป็นแบบ V-Motion grille อันเป็นเอกลักษณ์ของนิสสัน พร้อมไฟหน้าแบบ Adaptive LED Headlight
-
จุดเด่นเพื่อความสะดวก:
-
ประตูข้างไฟฟ้าอัตโนมัติ 2 ฝั่ง: สะดวกต่อการขึ้น-ลง สามารถเปิด-ปิดจากตัวรถและรีโมทได้
-
ฝาท้ายอเนกประสงค์ Dual Back Door: สามารถเลือกเปิดได้ 2 แบบ คือ เปิดเฉพาะกระจกด้านบน (มีประโยชน์มากเมื่อมีรถจอดชิดด้านท้าย) และ เปิดฝาท้ายแบบทั้งบาน
-
-
ช่วงล่างและล้อ: ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังเป็นแบบคานแข็งทอร์ชันบีม ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว พร้อมยางขนาด 195/65/R15 ซึ่งเป็นขนาดที่เหมาะสมกับตัวรถและช่วยในเรื่องอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ดีที่สุด
ภายในห้องโดยสาร


Serena s-hybrid เป็นรถขนาด 7+1 ที่นั่ง แบ่งเป็น 3 แถว โดยมีจุดเด่นเรื่องความยืดหยุ่นในการปรับเบาะนั่ง:
-
ที่นั่ง: แถวหน้า 2 ที่นั่ง, แถวกลาง 2 ที่นั่งแบบ Captain Seat (สามารถเลื่อนเบาะมาชิดกันเพื่อเพิ่มเป็น 3 ที่นั่งได้หากจำเป็น), แถวหลัง 3 ที่นั่ง
-
การปรับเบาะ: เบาะแถว 3 สามารถพับแขวนได้แบบ 50/50 ซ้าย-ขวา เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ และมีพนักพิงศีรษะคนที่ 3 จัดเก็บอย่างเรียบร้อย มีการปรับเบาะได้ถึง 13 รูปแบบ เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอย
-
สิ่งอำนวยความสะดวก:
-
หน้าจอเรือนไมล์ดิจิทัลด้านหน้าคนขับ และจอ LED ขนาด 7 นิ้ว (แสดงค่าต่างๆ ของตัวรถ) ค่อนไปทางซ้าย
-
หน้าจอ Entertainment แบบ Touch Screen ขนาด 10.1 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ทั้งแบบต่อสายและไร้สาย
-
ช่องชาร์จไฟ USB Type A รวม 6 จุด (คอนโซลหน้า 2 จุด, แถว 2 อีก 2 จุด, แถว 3 อีก 2 จุด) และช่อง HDMI 1 ช่อง
-
ระบบปรับอากาศแยก 2 Zone ปรับอุณหภูมิอิสระ หน้า-หลัง
-
ถาดอเนกประสงค์หลังเบาะผู้โดยสารแถวหน้า สำหรับวาง Tablet หรือทานอาหาร
-
ช่องวางแก้วน้ำ/ขวดน้ำได้ถึง 14 จุด
-
ระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีช่วยขับขี่
Serena s-hybrid ติดตั้งระบบความปลอดภัยที่จำเป็นและเทคโนโลยีช่วยขับขี่ขั้นสูงเพื่อให้ความปลอดภัยสูงสุด:
-
ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (คู่หน้า, ด้านข้าง, ม่านถุงลมนิรภัย)
-
ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพ:
-
ระบบป้องกันล้อล็อก ABS
-
ระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบเสริมแรงเบรก BA
-
ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว VDC (Vehicle Dynamic Control)
-
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA (Hill Start Assist)
-
-
ระบบเตือนและช่วยเบรกอัจฉริยะ:
-
ระบบเตือนก่อนการชน IFCW (Intelligent Forward Collision Warning)
-
ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน IEB (Intelligent Emergency Braking)
-
ระบบเตือนจุดอับสายตา BSW (Blind Spot Warning)
-
ระบบเตือนขณะถอยรถ RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
-
-
เทคโนโลยีกล้องและช่วยจอด:
-
กล้องมองภาพรอบคัน IAVM (Intelligent Around View Monitor)
-
ระบบตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนการเคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน MOD (Moving Object Detection)
-
สรุปผลการทดลองขับ (เดินทางไกล 1,000 กม.)

การทดลองขับระยะทางประมาณ 1,000 กิโลเมตร ไป-กลับเกาะช้าง จังหวัดตราด ทำให้เห็นประสิทธิภาพของรถในหลายสภาวะ:
| โหมดการขับขี่ | เส้นทาง | อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย (กม./ลิตร) |
| ECO Mode (ขาไป) | ทางราบ (นอกเมือง) | ประมาณ 14 กม./ลิตร |
| ECO Mode (ขาไป) | เกาะช้าง (ขึ้น-ลงเขา) | ประมาณ 10-11 กม./ลิตร |
| Normal/Sport Mode (ขากลับ) | ทางยาว (ใช้ความเร็ว) | ประมาณ 10.2 กม./ลิตร |
-
การขับขี่ในเมือง (ECO Mode): แม้รถจะใหญ่แต่มีความคล่องตัวใช้ได้ คันเร่งจะหน่วงกว่าปกติเล็กน้อย แต่ก็สามารถออกตัวและขับผ่านสภาพรถติดได้ดี
-
การขับขี่นอกเมือง: เมื่อปิดโหมด ECO และใช้โหมดปกติ/Sport คันเร่งจะเบาขึ้น การเร่งแซงทำได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็แลกมาด้วยอัตราสิ้นเปลืองที่เพิ่มขึ้น
-
ช่วงล่าง: Nissan ปรับเซ็ตมาได้ดี ไม่แข็งหรือนุ่มเกินไป เหมาะสำหรับรถครอบครัว ทำให้การวิ่งผ่านรอยต่อถนนหรือถนนที่ปะซ่อมแซมรู้สึกถึงแรงกระแทกน้อย ผู้โดยสารแถว 2-3 ไม่มีอาการเวียนหัว อาการโคลงหรือเหวี่ยงของตัวรถในการเข้าโค้งด้วยความเร็วปานกลางมีน้อย
บทสรุปและข้อเสนอแนะ 🎯

Nissan Serena s-hybrid (C27) ที่ราคา 1,469,000 บาท ถือเป็น Mini MPV ที่คุ้มค่า ด้วยความสะดวกสบายและฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน:
-
ข้อดี: ประตูข้างไฟฟ้าอัตโนมัติ, ฝาท้าย Dual Back Door, การปรับเบาะนั่งได้หลากหลายรูปแบบถึง 13 แบบ, ช่วงล่างที่เซ็ตมาดีเพื่อความสบายของผู้โดยสาร และความคล่องตัวในการขับขี่
-
อัตราสิ้นเปลือง: อยู่ในระดับกลางๆ (10-15 กม./ลิตร) ขึ้นอยู่กับลักษณะการขับขี่
โดยรวมแล้ว Serena s-hybrid เป็นรถครอบครัวที่น่าใช้คันหนึ่ง ด้วยความอเนกประสงค์และความสะดวกสบายที่จัดเต็ม เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถ Mini MPV ที่มีฟังก์ชันครบและราคาที่ประหยัดกว่ารุ่น e-Power









Comments are closed