Fiat เตรียมเปิดตัว Fiat 500 รุ่นใหม่ ปี 2026 ที่มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาดเล็ก 1.0 ลิตร กำลัง 70 แรงม้า หลังจากที่ยอดขายของเวอร์ชันไฟฟ้าอย่าง Fiat 500e ไม่เป็นไปตามเป้า จนต้องหยุดการผลิตเป็นระยะ ด้วยเหตุนี้ Fiat จึงกลับสู่พื้นฐานด้วยการเปิดสายการผลิตใหม่ที่โรงงาน Mirafiori เมืองตูริน ประเทศอิตาลี โดยคาดว่าจะเริ่มส่งมอบรถให้ลูกค้าได้ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ และผลิตได้ประมาณ 5,000 คันภายในสิ้นปี 2025

ราคาขายและจุดเด่นของ Fiat 500 รุ่นเบนซิน

Fiat 500 รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน เปิดราคาที่ €17,000 (ประมาณ 20,000 ดอลลาร์) ในอิตาลี ซึ่งถูกกว่าเวอร์ชันไฟฟ้าถึง €5,000 (เกือบ 6,000 ดอลลาร์) แม้ว่าจะยังไม่ถือว่าราคาถูกนัก แต่ต้องเข้าใจว่าราคารถในอิตาลีรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สูงถึง 22% แล้ว

Fiat วางตำแหน่งรถรุ่นนี้เป็น “500 สำหรับคนจริง” หรือ “The 500 for real people” ตามคำกล่าวของซีอีโอ Olivier Francois โดยยังคงมีให้เลือก 3 ตัวถังเช่นเดิม:

• Hatchback (แฮทช์แบ็ค)

• Convertible (เปิดประทุน)

• รุ่นพิเศษ 3+1 ที่มีประตูเสริมด้านข้างผู้โดยสาร

ขุมพลังใหม่จากเครื่องยนต์ Mild-Hybrid

Fiat ใช้เครื่องยนต์เบนซินแบบ 3 สูบ ขนาด 1.0 ลิตร รหัส FireFly ที่เป็นระบบไฮบริดแบบเบา (Mild-Hybrid) ให้กำลัง 70 แรงม้า ซึ่งถูกถ่ายทอดมาจากรุ่นก่อนหน้าและ Fiat Panda ที่ยังวางขายอยู่ตั้งแต่ปี 2011

ระบบส่งกำลังจับคู่กับ เกียร์ธรรมดา 6 สปีด โดยยังไม่มีการประกาศรุ่นเกียร์อัตโนมัติ

แม้ว่าแพลตฟอร์มของ 500 รุ่นใหม่จะออกแบบมาสำหรับรถไฟฟ้า แต่ Fiat ก็สามารถดัดแปลงให้รองรับเครื่องยนต์สันดาปได้ และมีการเพิ่มกระจังหน้าช่องแนวนอนเพื่อช่วยระบายความร้อนของเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นจุดสังเกตภายนอกเพียงอย่างเดียวที่แตกต่างจากรุ่น EV

น้ำหนักเบาลง สมรรถนะดีขึ้น?

ขณะที่ Fiat ยังไม่เผยข้อมูลด้านเทคนิคทั้งหมด แต่คาดว่ารุ่นเบนซินจะมีน้ำหนักเบากว่ารุ่นไฟฟ้าอย่างมาก เนื่องจากไม่มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ โดยรุ่น 500e ที่ใช้แบตเตอรี่ 24 kWh มีน้ำหนักถึง 1,255 กิโลกรัม และรุ่นแบต 42 kWh หนักถึง 1,340 กิโลกรัม

ผลกระทบต่อกฎหมายมลพิษและเป้าหมายของ Stellantis

แม้การกลับมาของ Fiat 500 รุ่นเครื่องยนต์สันดาปจะเป็นข่าวดีสำหรับผู้ใช้ แต่ก็อาจสร้างแรงกดดันให้กับ Stellantis กลุ่มบริษัทแม่ของ Fiat เนื่องจากกฎหมายสหภาพยุโรป (EU) กำหนดให้ผู้ผลิตรถยนต์ต้องควบคุมค่าเฉลี่ยการปล่อยก๊าซ CO₂ ให้ต่ำลงภายในปี 2027

หาก Fiat 500 รุ่นเบนซินขายดีเกินคาด อาจทำให้ค่าเฉลี่ย CO₂ ของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นจนต้องเผชิญกับค่าปรับจาก EU ทางออกคือ Stellantis จะต้องเร่งยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าให้มากขึ้นเพื่อลดค่าเฉลี่ยการปล่อยก๊าซให้ได้

ไม่มีรุ่น Abarth เบนซิน แต่ยังมีรุ่นสปอร์ตไฟฟ้า

สำหรับผู้ที่รอรุ่นแต่งแรงจาก Abarth ก็อาจต้องผิดหวัง เพราะ Fiat ยืนยันว่าจะไม่มีเวอร์ชัน Abarth เครื่องยนต์สันดาป เนื่องจากภาษีรถแรงสูงในยุโรปยังคงสูงมาก อย่างไรก็ตาม แบรนด์ยังคงวางจำหน่าย Abarth 500e รุ่นสปอร์ตพลังไฟฟ้า และ Abarth 600e crossover สำหรับผู้ที่ต้องการสไตล์และสมรรถนะที่แตกต่าง

สรุป

การกลับมาของ Fiat 500 เครื่องยนต์เบนซิน ปี 2026 คือความพยายามของ Fiat ในการตอบโจทย์ “ผู้ใช้จริง” ที่ยังไม่พร้อมหรือไม่ต้องการรถไฟฟ้าโดยตรง แม้ว่าจะเป็นทางเลือกที่อาจทำให้ Stellantis ต้องวางกลยุทธ์ใหม่เกี่ยวกับเป้าหมายการลดมลพิษ แต่ก็ถือเป็นก้าวสำคัญในการดึงดูดลูกค้าที่ต้องการรถขนาดเล็ก ประหยัด และใช้งานง่ายในชีวิตประจำวัน