การศึกษาล่าสุดจากสถาบันวิจัยชั้นนำได้เผยว่า ราคาของชุดแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) อาจลดลงได้ถึง 50% ภายในปี 2026 ซึ่งคาดว่าจะส่งผลสำคัญต่อการขยายตัวของตลาด EV และอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ราคาของชุดแบตเตอรี่ยังคงเป็นอุปสรรคหลักในการเลือกซื้อรถ EV แต่การลดราคานี้จะทำให้รถ EV กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากขึ้นสำหรับผู้บริโภค
ปัจจัยที่ทำให้ราคาชุดแบตเตอรี่ลดลง
การศึกษานี้เน้นย้ำถึงปัจจัยหลายประการที่มีผลต่อการลดราคาชุดแบตเตอรี่:
-
เทคโนโลยีแบตเตอรี่ใหม่: การพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ใหม่ โดยเฉพาะการใช้งานวัสดุที่มีต้นทุนต่ำกว่า เช่น การใช้วัสดุที่มีคุณสมบัติทางไฟฟ้าดีขึ้นและราคาถูกกว่า เช่น โซเดียม (Na) แทนที่ลิเธียม (Li) ซึ่งทำให้ลดต้นทุนในการผลิตได้
-
การปรับปรุงกระบวนการผลิต: การใช้เทคโนโลยีการผลิตใหม่ๆ ที่ช่วยให้กระบวนการผลิตแบตเตอรี่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดของเสีย และเพิ่มผลผลิต ทำให้สามารถผลิตแบตเตอรี่ในราคาที่ต่ำลงได้
-
ความต้องการที่เพิ่มขึ้น: ตลาด EV ทั่วโลกกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลให้มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องมากขึ้น เมื่อการผลิตเพิ่มขึ้น ก็มักจะทำให้ราคาลดลงตามกลไกของเศรษฐศาสตร์
-
การสนับสนุนจากรัฐบาล: หลายประเทศได้สนับสนุนการพัฒนาพลังงานสะอาดด้วยการให้เงินทุนและนโยบายสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า เช่น การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สถานีชาร์จไฟฟ้า ซึ่งทำให้การลงทุนในรถ EV มีความน่าสนใจมากขึ้น
ผลกระทบต่อการขยายตลาด EV
การลดราคาชุดแบตเตอรี่ในระยะเวลาอันใกล้จะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรม EV อย่างมาก เพราะต้นทุนของชุดแบตเตอรี่ถือเป็นส่วนใหญ่ของต้นทุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า การลดลงของราคาจะทำให้ราคาของรถ EV รวมถูกลง ส่งผลให้มีความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น
การที่ราคาชุดแบตเตอรี่ลดลงสามารถทำให้:
- ผู้บริโภคเข้าถึง EV ได้ง่ายขึ้น: ราคาของ EV ที่ลดลงจะทำให้ผู้บริโภคสามารถซื้อได้ง่ายขึ้น และเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล
- การขยายตัวของสถานีชาร์จไฟฟ้า: เมื่อมีการขายรถ EV มากขึ้น จะเป็นแรงผลักดันให้มีการขยายโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สถานีชาร์จไฟฟ้า ที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่ EV สะดวกในการใช้งาน
- เพิ่มความสามารถในการแข่งขันของผู้ผลิต: เมื่อราคาลดลง บริษัทผู้ผลิต EV สามารถลดต้นทุนและเพิ่มกำไร หรือสามารถทำราคาขายที่แข่งขันได้มากขึ้น
การสนับสนุนจากรัฐบาลและการเปลี่ยนแปลงในนโยบาย
หลายประเทศทั่วโลกได้ออกนโยบายและมาตรการที่สนับสนุนการขับเคลื่อนการใช้พลังงานสะอาด ซึ่งรวมถึงการใช้รถยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรปและจีนที่มีเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
รัฐบาลหลายประเทศให้การสนับสนุนทางการเงินและแรงจูงใจที่สำคัญ เช่น:
- การให้เงินอุดหนุนหรือสิทธิประโยชน์ทางภาษี สำหรับผู้ที่ซื้อรถ EV
- การส่งเสริมการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สถานีชาร์จที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- มาตรการลดภาษีและค่าธรรมเนียม สำหรับผู้ผลิตและผู้ใช้งาน EV เพื่อลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มกำลังซื้อ
แนวโน้มในอนาคต
การลดราคาชุดแบตเตอรี่จะไม่เพียงแต่ทำให้รถ EV เป็นทางเลือกที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น แต่ยังช่วยสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบพลังงานสะอาด (Clean Energy) ซึ่งเป็นการลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลและการลดมลพิษทางอากาศ การเติบโตของตลาด EV ยังมีแนวโน้มที่จะช่วยส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมในด้านเทคโนโลยีพลังงานและการขนส่งที่ยั่งยืน
สรุป
การศึกษาในครั้งนี้เป็นสัญญาณที่ดีสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า โดยคาดว่า ราคาชุดแบตเตอรี่จะลดลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2026 ซึ่งจะทำให้การเป็นเจ้าของ EV ง่ายและคุ้มค่ามากขึ้น การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ และการสนับสนุนจากภาครัฐจะมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นตลาดนี้อย่างต่อเนื่อง
Cr.ev