BMW XM Label Red รถยนต์สปอร์ตอเนกประสงค์หรือ Sports Activity Vehicle (SAV) รุ่นที่ทรงพลังที่สุดของ BMW M มีกำหนดเตรียมเปิดราคาในเมืองไทยเร็วๆ นี้ แต่ก่อนจะถึงวันนั้นเรามาดูกันว่าเจ้ารถปลั๊กอินไฮบริดสมรรถนะสูง ที่ผลิตเพียง 500 คันในโลกรุ่นนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง
XM Label Red เป็นรถรุ่นเรือธงรุ่นที่รวมเอาที่สุดแห่งขุมพลัง ความพิเศษ และความหรูหรา เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจและทรงพลังแบบไม่เหมือนใคร และยังเป็นรถยนต์ BMW M รุ่นทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา กับพละกำลังที่ให้มาถึง 748 แรงม้า
ภายนอกมาในตัวถังสีดำ BMW Individual Frozen Carbon Black Metallic โดดเด่นด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่พร้อมขอบสองชั้นรูปทรงแปดเหลี่ยม ขอบด้านนอกตกแต่งด้วยสีแดง Toronto Red metallic ในขณะที่ขอบด้านในมากับไฟรูปทรงโค้งมนเป็นวงแหวนไฟที่ให้แสงอย่างคมชัดและต่อเนื่อง แถบเน้นสีมันวาวตัดกับพื้นผิวสีแบบด้านซึ่งส่องแสงระยิบระยับทำให้ภายนอกมีลักษณะที่น่าดึงดูดใจเป็นพิเศษ
โทนสีดำและสีแดงที่ให้กลิ่นอายแบบสปอร์ตนี้ ยังถูกนำมาใช้กับห้องโดยสารภายใน โดยมีตราสัญลักษณ์ “XM” สีแดงสุดโดดเด่นที่บริเวณใต้หน้าจอ Control display ควบคู่ไปกับแถบตกแต่งภายในคาร์บอนไฟเบอร์แบบซาติน ประดับด้วยด้ายเน้นสีแดงและสีน้ำเงิน พวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ M มีส่วนประกอบตกแต่งในสีดำโครเมียม พร้อมด้วยปุ่ม M และแป้นเปลี่ยนเกียร์คาร์บอนซึ่งมีสัญลักษณ์บวกและลบเป็นสีแดง
นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติพิเศษเฉพาะของ XM Label Red จากตราสัญลักษณ์ที่ระบุโหมดการขับขี่แบบ Boost Mode บนแป้นเปลี่ยนเกียร์ด้านซ้าย ส่วนห้องโดยสารด้านท้ายแบบ M Lounge สุดพิเศษ ยังมอบความรู้สึกที่กว้างขวางให้กับผู้โดยสาร พร้อมการตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูงและการออกแบบที่หรูหรา
ผ้าบุหลังคายังเป็นเสมือนงานประติมากรรม 3 มิติ ลวดลายแบบปริซึมและเมื่อเปิดหลังคาก็จะพบกับหลอดไฟ LED กว่า 100 ดวงบนหลังคาที่ส่องสว่างอย่างงดงามยามค่ำคืน คอนโซลด้านบนยังบุด้วยหนังแบบ BMW Individual ทำให้การตกแต่งภายในสะดุดตาและหรูหราไปอีกขั้น นอกจากนี้ยังมีชุดไฟตกแต่งภายใน ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 4 โซน ระบบระบายอากาศ ระบบเสียงรอบทิศทางจาก Bowers & Wilkins Diamond surround sound system พร้อมด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัยอีกมากมาย
XM Label Red ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินแบบ V8 พร้อมเทคโนโลยี M TwinPower Turbo และระบบขับเคลื่อน M HYBRID ให้กําลังรวมสูงสุด 748 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 1,000 นิวตันเมตร
เครื่องยนต์สันดาปให้กำลังสูงสุด 585 แรงม้า ที่ 5,600 – 6,500 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 750 รอบต่อนาที ที่ 1,800 – 5,400 รอบต่อนาที ส่วนระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าให้กำลังมอเตอร์สูงสุดที่ 197 แรงม้า พร้อมแรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 280 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลา 3.8 วินาที