Ferrari เผยโฉม 2026 Ferrari Amalfi คูเป้สุดหรูรุ่นใหม่ที่มาแทนที่ Ferrari Roma อย่างเป็นทางการในวันอังคารที่ผ่านมา โดยยังคงใช้พื้นฐานจาก Roma แต่ปรับโฉมภายนอกใหม่ พร้อมอัปเกรดเทคโนโลยีภายใน และที่สำคัญที่สุดคือยังคงใช้เครื่องยนต์ V8 แบบทวินเทอร์โบอันทรงพลัง แต่ปรับจูนให้แรงขึ้นกว่าเดิม
ดีไซน์ภายนอก: แรงบันดาลใจจากรุ่นใหม่ ๆ ของ Ferrari
แม้รูปลักษณ์โดยรวมจะยังคงโครงสร้างของ Roma แต่ Ferrari Amalfi ได้รับการออกแบบด้านหน้าใหม่หมดจด โดยนำแรงบันดาลใจมาจากรุ่น SF90 และ 12Cilindri ใช้ดีไซน์ “sharknose” ที่โดดเด่น เสริมด้วยแถบสีดำเชื่อมไฟหน้าแบบเรียวยาวทั้งสองข้าง ขณะที่ด้านท้ายยังคงเอกลักษณ์ด้วยไฟท้ายสี่ดวง พร้อมแถบสีดำเชื่อมระหว่างสองดวงในด้านใน เสริมความสปอร์ตและพรีเมียม
ภายในห้องโดยสาร: ปรับปรุงตามเสียงเรียกร้องของลูกค้า
จุดเปลี่ยนที่สำคัญของ Amalfi คือห้องโดยสารใหม่ที่ Ferrari ปรับเปลี่ยนตามคำแนะนำจากลูกค้าอย่างชัดเจน โดยเลิกใช้ปุ่มสัมผัสบนพวงมาลัยที่ใช้งานยาก และกลับมาใช้ปุ่มควบคุมแบบกายภาพที่ใช้งานสะดวกขึ้น รวมถึงปุ่มสตาร์ทรถแบบใหม่ที่ทำจากไทเทเนียม ติดตั้งด้านซ้ายของพวงมาลัย ให้ความรู้สึกคลาสสิกแต่ทันสมัย
ขุมพลัง V8: แรงขึ้นแต่ยังคงความนุ่มนวล
Ferrari Amalfi ยังคงใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 3.8 ลิตร ทวินเทอร์โบ แต่เพิ่มกำลังขึ้นเป็น 631 แรงม้า (เพิ่มจาก Roma เดิม 19 แรงม้า) แรงบิดยังคงเท่าเดิมที่ 561 ปอนด์-ฟุต ส่งกำลังสู่ล้อหลังผ่านเกียร์คลัตช์คู่ 8 สปีด
Ferrari เคลมว่า Amalfi สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.3 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 198 ไมล์/ชม. (ประมาณ 318 กม./ชม.)
เทคโนโลยีเครื่องยนต์ใหม่: ล้ำหน้าด้วยระบบควบคุมเทอร์โบแยก
การเพิ่มพละกำลังเกิดจากเทคโนโลยีการควบคุมเทอร์โบแยกแต่ละลูกด้วยระบบใหม่ล่าสุด ทำให้สามารถหมุนได้สูงสุดถึง 171,000 รอบ/นาที พร้อมเซ็นเซอร์ความดันเฉพาะแต่ละฝั่งของเครื่องยนต์ และใช้ ECU รุ่นใหม่แบบเดียวกับที่ใช้ใน Ferrari 296 GTB, Purosangue และ 12Cilindri
ระบบควบคุมและแอโรไดนามิกขั้นสูง
Amalfi มาพร้อม ระบบเบรกแบบ brake-by-wire ที่พัฒนาโดย Ferrari รวมถึง สปอยเลอร์หลังแบบแอคทีฟ ที่สามารถสร้างแรงกดได้ถึง 242 ปอนด์ ที่ความเร็ว 155 ไมล์/ชม. ในขณะที่เพิ่มแรงต้านอากาศน้อยกว่า 4%
นอกจากนี้ยังมีระบบ Side Slip Control 6.1 ที่ทำหน้าที่ประสานการทำงานของพวงมาลัย, ช่วงล่าง, การหมุนของรถ และแรงยึดเกาะจากยาง เพื่อควบคุมรถให้ปลอดภัยและทรงพลังที่สุดในทุกสถานการณ์
ระบบความปลอดภัยและ ADAS ครบครัน
Ferrari ไม่ลืมใส่ระบบความปลอดภัยและช่วยเหลือผู้ขับขี่ระดับสูงมาให้ ได้แก่:
-
Adaptive Cruise Control
-
ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB)
-
ระบบแจ้งเตือนออกนอกเลน และควบคุมให้อยู่ในเลน (Lane Keep Assist)
ราคาคาดการณ์และเวอร์ชันเปิดประทุน
แม้ Ferrari ยังไม่ประกาศราคาหรือวันเริ่มส่งมอบอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่า ราคาของ 2026 Ferrari Amalfi จะเริ่มต้นที่ประมาณ 300,000 ดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 10.8 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจาก Ferrari Roma รุ่นสุดท้ายในปี 2024 ที่เริ่มต้นที่ 247,308 ดอลลาร์
นอกจากนี้ ยังมีข่าวว่า Ferrari ได้จดทะเบียนชื่อ Amalfi Spider ไว้เรียบร้อยแล้ว จึงมีความเป็นไปได้สูงที่รุ่นเปิดประทุนจะเปิดตัวตามมาในอนาคตอันใกล้
สรุป
2026 Ferrari Amalfi คือตัวแทนที่สมบูรณ์แบบของ Roma ด้วยดีไซน์ใหม่ที่เฉียบคม ภายในที่ใช้งานง่ายขึ้น และเครื่องยนต์ V8 ที่ปรับจูนมาให้แรงและทันสมัยยิ่งขึ้น ใครที่หลงใหลในความหรูหราแบบ GT คูเป้ที่ขับสนุกทุกเส้นทาง นี่คืออีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม
แหล่งที่มา : motor1