วันนี้เราพาทุกท่านไปชมภาพรถคันจริง พร้อมสเปกของรถ Eco Car รุ่นใหม่ที่พึ่งเปิดตัวไปสดๆร้อนๆ อย่าง 2023 Nissan Almera 1.0 Turbo รุ่นปรับโฉม Minorchange ที่ต้องบอกเลยว่ามีการปรับดีไซน์ภายนอก – การตกแต่งภายในห้องโดยสาร รวมถึงเพิ่มออปชั่นให้คุ้มค่าและน่าใช้งานมากยิ่งขึ้น
มาดูกันว่า Nissan Almera 1.0 Turbo Minorchange จะมีจุดไหนที่เปลี่ยนไป มีออปชั่นอะไรที่เพิ่มเติมเข้ามาบ้าง และจะน่าใช้งานมากแค่ไหน?
ดีไซน์ภายนอก ปรับให้ดูเฉียบคม ทันสมัย มากยิ่งขึ้น
เริ่มกันที่ดีไซน์ของตัวรถ ที่ต้องบอกเลยว่ามีการปรับเปลี่ยนลุคให้ดูทันสมัยและโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น ซึ่งจุดเปลี่ยนที่สำคัญก็คือ ชุดกระจังหน้าใหม่แบบ Next Generation V-Motion ที่มาพร้อมกับการตกแต่งสีดำพร้อมด้วยแถบโครเมี่ยม ช่วยยกระดับความหรูหราและความทันสมัยให้กับ Nissan Almera Minorchange ได้เป็นอย่างดี
สีตัวถังใหม่ Gray Sky Pearl พร้อมหลังคาสีดำ
Nissan ได้นำเสนอสีตัวถังสีใหม่ สีเทา Gray Sky Pearl โดยสีเทาใหม่นี้จะสามารถเปลี่ยนเฉดสีตามสภาพแสงสว่าง โดยจะออกเงาเฉดสีม่วง เมื่อมองในขณะที่แสงน้อย แต่จะออกโทนสีฟ้ามากขึ้นถ้าอยู่ในที่ที่มีแสงแดดจัด และเมื่อมองจากระยะไกล จะเห็นเป็นสีทึบ แต่ถ้าเข้ามามองใกล้ๆจะมองเห็นเงาประกายมุกซ่อนอยู่ นอกจากนี้ยังมีออปชั่น “หลังคาดำ” เป็นตัวเลือกให้กับลูกค้าที่ชื่นชอบความโดดเด่นไม่เหมือนใคร
ภายในห้องโดยสาร ถูกอัปเกรดให้ดูพรีเมียมมากยิ่งขึ้น ด้วยวัสดุ Soft Touch แทบทุกจุด
อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญของ Nissan Almera Minorchange นั่นก็คือ การตกแต่งภายในห้องโดยสาร โดยทางนิสสันได้มีการใช้โทนสีน้ำเงิน-ดำ ในการตกแต่งภายในห้องโดยสาร (ของรุ่นเดิมเป็นสีดำ-สีเบจ) พร้อมด้วยการเพิ่มวัสดุ Soft Touch ในแทบทุกจุดที่ร่างกายของผู้ขับขี่สามารถสัมผัสได้ ไม่ว่าจะเป็น แผงประตู คอนโซลกลาง และคอนโซลหน้า ตัวเบาะนั่งโดยสารมาพร้อมกับเทคโนโลยี QUOLE MODURE ซึ่งจะช่วยลดการสะสมความร้อน ช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรู้สึกเย็นสบายตลอดการเดินทาง
อุ่นใจในทุกเส้นทาง ด้วยเทคโนโลยี Nissan 360° SAFETY SHIELD
สำหรับ Nissan Almera Minorchange จะได้เทคโนโลยีความปลอดภัย Nissan 360° SAFETY SHIELD ที่ได้รับการอัปเกรดให้เหนือกว่ารุ่นที่แล้ว ซึ่งจะได้ออปชั่นความปลอดภัยดังต่อไปนี้
- แจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง Lane Departure Warning (ไม่มีระบบดึงพวงมาลัยกลับ)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control
- ตรวจจับวัตถุด้านหลังขณะถอย Rear Cross Traffic Alert
- กล้องอัจฉริยะมองรอบทิศทาง 360 องศา Intelligent Around View Monitoring
- ระบบตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน Moving Object Detection
- ระบบช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้า Intelligent Forward Collision Warning
- ระบบช่วยเตือนจุดอับสายตา Blind Spot Warning
- ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน Hill Start Assist
- ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ Intelligence Emergency Braking
- เซนเซอร์ตรวจสอบแรงดันลมยาง Tire Pressure Monitoring System – TPMS
- ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (ทุกรุ่นย่อย)
ระบบ Nissan Connect ช่วยให้ชีวิตสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น พร้อมฟังก์ชั่น SOS เมื่อเกิดอุบัติเหตุ
อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญที่ถูกเพิ่มเข้ามาใน Nissan Almera Minorchange ก็คือ ระบบ Nissan Connect ซึ่งจะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถสั่งการรถยนต์ของตัวเองแบบไร้สาย เพียงเชื่อมต่อแอปพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟนของคุณเข้ากับตัวรถ ก็สามารถสั่งการทำงานของตัวรถได้หลากหลายฟังก์ชั่นดังนี้
- ตรวจสอบสถานะการล็อกประตู และสั่งล็อกหรือปลดล็อกรถยนต์ระยะไกล
- ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ระยะไกล
- ระบบสั่งกะพริบไฟหน้า และสั่งบีบแตรระยะไกล ช่วยให้ค้นหาตำแหน่งของรถได้สะดวก
- ระบบค้นหาตำแหน่งรถ My Car Finder
นอกจากนี้ Nissan Connect ยังช่วยแจ้งเตือนเตือนเจ้าของรถเมื่อถึงกำหนดการบำรุงรักษาตามระยะ รวมถึงแจ้งเตือนเมื่อใช้ความเร็วเกินกำหนด นอกจากนี้ยังสามารถดูระยะทางและระยะเวลาที่ใช้รถ ซึ่งสามารถแยกดูข้อมูลรายวัน รายเดือน หรือรายปีได้อย่างอิสระ
และอีกหนึ่งทีเด็ดที่นิสสันตั้งใจใส่มาใน Almera Minorchange ก็คือระบบ SOS ซึ่งถือเป็นรถรุ่นแรกในเซ็กเมนท์ ที่มีการติดตั้งระบบติดต่อขอความช่วยเหลือฉุกเฉินมาให้จากโรงงาน โดยหากตัวรถเกิดอุบัติเหตุ (ต้องรุนแรงจนถึงเซ็นเซอร์หรือถุงลมนิรภัยทำงาน) ระบบนี้จะส่งสัญญาณเข้าไปที่ศูนย์บริการของนิสสัน โดยจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อมาหาเจ้าของรถเพื่อสอบถามถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น และหากเจ้าของรถไม่สามารถรับโทรศัพท์ได้ (อาจได้รับบาดเจ็บหรือรถเสียหายอย่างหนัก) ทางเจ้าหน้าที่จะประสานงานหน่วยช่วยเหลือที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งจะสามารถเข้าช่วยเหลือผู้ขับขี่ได้อย่างทันท่วงที
เครื่องยนต์ ช่วงล่าง ระบบบังคับเลี้ยว ยังคงเหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง
สำหรับเครื่องยนต์ของ 2023 Nissan Almera ยังคงใช้เครื่องยนต์ตัวเดิม (ไม่มีการปรับจูนเพิ่มเติม) รหัส HRA0 แบบ 3 สูบเรียง ความจุ 1.0 ลิตร ให้กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 100 แรงม้า (Ps) ที่รอบเครื่องยนต์ 5,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 152 นิวตัน-เมตร (Nm) รวมถึงระบบช่วยล่าง ระบบเบรก และระบบบังคับเลี้ยว ยังคงเหมือนรุ่นเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
ทดลองขับสั้นๆในสนาม Pathumthani SpeedWay ภาพรวมยังคงคล้ายกับรุ่นเดิม
เราได้รับโอกาสจาก นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) ในการทดลองขับ 2023 Nissan Almera Minorchange ในสนาม Pathumthani SpeedWay ซึ่งฟิลการขับขี่ในภาพรวมยังคงคล้ายคลึงกับรถรุ่นเดิม โดยน้ำหนักของพวงมาลัยยังคงมีน้ำหนักที่ “เบา” เหมือนกับรุ่นก่อนหน้า ซึ่งในการขับขี่ในสภาพการจราจรติดขัด หรือการขับขี่ในเมือง น้ำหนักพวงมาลัยที่เบาจะสามารถช่วยให้สามารถหมุนเลี้ยวพวงมาลัยมากยิ่งขึ้น แต่เมื่อขับด้วยความเร็วสูงถึงแม้ว่าตัวพวงมาลัยไฟฟ้าจะมีการปรับเพิ่มความหนืดของพวงมาลัย แต่ในความคิดเห็นของผู้ทดสอบก็ยังคงรู้สึกว่ามันมีน้ำหนักที่เบาไปสักหน่อย
ในส่วนของเครื่องยนต์ 1.0 ลิตรเทอร์โบบล๊อกนี้ ยังคงให้อัตราเร่งที่ “เพียงพอ” ทั้งในการใช้งานในเมืองหรือการเดินทางไกลต่างจังหวัดก็สบายใจหายห่วง และยังมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันโดยเฉลี่ยที่น่าประทับใจอีกด้วย
ราคาและสิทธิประโยชน์
2023 Nissan Almera Minorchange มีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่นย่อย โดยมีราคาจำหน่ายดังต่อไปนี้
-
รุ่น E 549,000 บาท
-
รุ่น EL 589,000 บาท
-
รุ่น V 659,000 บาท
-
รุ่น VL 699,000 บาท
โดยลูกค้าจะได้สิทธิประโยชน์การรรับประกันคุณภาพตัวรถเป็นระยะเวลา 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร โดยชุดอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษของแท้จากนิสสันจะได้รับการรับประกันคุณภาพในเงื่อนไขเดียวกัน
ขอขอบคุณ : นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย)