fbpx

ชมภาพคันจริง ภายนอก-ภายใน สเปก MG ES รถยนต์ไฟฟ้าตัวถัง Wagon วิ่งไกล 412 กิโลเมตร

บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ MG อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ได้ประกาศเผยโฉมรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง MG ES รถยนต์ไฟฟ้าตัวถัง Wagon วิ่งได้ไกลสุด 412 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง

สำหรับ MG ES ในความเป็นจริงแล้วมันก็คือ MG EP ที่ได้รับการอัปเกรดใหม่แทบทั้งคัน โดยทางเอ็มจีได้ให้คอนเซปต์ของรถคันนี้ไว้ว่า Comfortable เป็นทุกอย่างเพื่อทุกโมเมนต์ สะดวกสบายในทุกการเดินทาง โดยรถคันนี้จะยังคงใช้แนวคิด Brit Dynamic ทั้งในเรื่องของดีไซน์ภายนอกและภายใน สมรรถนะการขับขี่และการควบคุม รวมถึงออปชั่นความปลอดภัยที่ใส่มาในรถคันนี้อย่างครบครัน

เริ่มกันที่ดีไซน์ภายนอกของ MG ES ที่ต้องบอกตามตรงว่าดูทันสมัยและโฉบเฉี่ยวเพิ่มขึ้นจาก MG EP อยู่มากพอสมควร เริ่มกันที่ชุดกระจังและกันชนด้านหน้าดีไซน์ใหม่ที่ในคราวนี้มาในสไตล์เรียบแบบปิดทึบสีเดียวกับตัวรถ แต่ยังมีช่องดักลมด้านล่างแบบซี่ตั้ง พร้อมด้วยชุดไฟหน้าแบบ LED ดีไซน์ใหม่ที่มีความเพรียวบางมากยิ่งขึ้นพร้อมด้วยไฟ Day Time Running Light โดยทาง MG ยังเคลมว่ามันจะให้ความสว่างที่มากกว่าไฟหน้ารุ่นเดิมถึง 144%

เส้นสายด้านข้าง ยังคงดูคล้ายกับเจ้า EP ซึ่งจะเน้นเส้นสายที่ดูเรียบ ไม่ซับซ้อน และยังคงมีราวหลังคามาให้เหมือนเดิมซึ่งรองรับน้ำหนักบรรทุกสูงสุดที่ 75 กิโลกรัมต่อจุด แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปนั่นก็คือ ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 17 นิ้วแบบทูโทน ช่วยเพิ่มความโดดเด่นและความสปอร์ตให้กับ MG ES ได้ไม่น้อย

มาถึงดีไซน์ด้านท้ายของตัวรถที่ถูกปรับเปลี่ยนไปพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นชุดไฟท้ายแบบ LED Light Curtain Design ใหม่ มองเห็นได้ชัดและมีเอกลักษณ์ยามค่ำคืน เสริมด้วยชุดกันชนท้ายใหม่ที่มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ให้ดูโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น

เมื่อเข้ามาภายในห้องโดยสาร จะพบกับการตกแต่งด้วยโทนสีดำ-เงิน พร้อมด้วยเบาะนั่งโดยสารตัวใหม่หึ่มด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์ DENIM TEXTURE DESIGN ซึ่งให้สัมผัสคล้ายกับผ้าของกางเกงยีนส์ ซึ่งทางเอ็มจีระบุว่ามีการใช้เทคโนโลยี Zero-G Seat สามารถรองรับสรีระของผู้ขับและผู้โดยสารได้เป็นอย่างดี ซึ่งสามารถปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทางสำหรับเบาะคนขับ และปรับไฟฟ้า 4 ทิศทางสำหรับผู้โดยสาร

บริเวณคอนโซลหน้าและแผงข้างประตู มีการตกแต่งด้วยวัสดุสีเงินพร้อมด้วยลูกเล่นแถบสีฟ้า Energetic Blue Strip พร้อมด้วยหน้าจอมาตรวัดแบบดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว และหน้าจอกลางแบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว รองรับระบบ Apple Carplay และ Android Auto

สำหรับขุมพลังของ MG ES ทางผู้ผลิตระบุว่ามีการยกเครื่องใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มส่งกำลังใหม่ SAIC EI Three – Eletric System รวมถึงมอเตอร์ไฟฟ้าเจนเนอเรชั่นใหม่ 8-Layer Hair Pin Permanent Magnetic Synchronous Motor (PMSM) ให้พละกำลังแรงม้าสูงสุดที่ 177 แรงม้า และแรงบิด 280 นิวตัน-เมตร มาพร้อมกับแบตเตอรี่แบบ LFP ขนาด 51 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุดที่ 412 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC) สามารถชาร์จไฟจาก 0% – 80% ได้ภายในเวลา 40 นาที รองรับ DC Charge สูงสุดที่ 87 kW

นอกจากนี้ทางเอ็มจียังได้มีการปรับปรุงระบบช่วงล่างใหม่ให้ดีขึ้นจากรุ่น EP ซึ่งทางผู้ผลิตได้เรียกระบบช่วงล่างใหม่นี้ว่า Euro Tuning Suspension ให้การทรงตัวที่ดี ขับสนุก แต่ยังคงให้ความสบายแก่ผู้ขับและผู้โดยสาร

ด้านออปชั่นและระบบความปลอดภัยของ MG ES เรียกได้ว่าให้มาแบบครบๆ ดังต่อไปนี้

  • ระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Brake Hold
  • ระบบควบคุมการทรงตัว SCS
  • ระบบควบคุมเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC
  • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS
  • ระบบช่วยเตือน เมื่อเสี่ยงต่อการชนด้านหน้า FCW
  • ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB
  • ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAS
  • ระบบตรวจสอบระดับแรงดันลมยาง TPMS
  • ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC
  • ระบบช่วยควบคุมให้รถอยู่ในเลนและช่วยควบคุมรถเมื่ออยู่นอกเลน ELK
  • ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (คู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลม)

สำหรับราคาค่าตัวของ MG ES จะมีการประกาศราคาอย่างเป็นทางการในงาน Motor Show ที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่22 มีนาคม – 2 เมษายน 2023 โดยจะมีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 5 สีได้แก่ สีขาว Arctic White, สีดำ Black Knight, สีเทา Andes Gray, สีแดง Scarlet Red และสีเงิน Champagne Silver

รับชมข่าวสารยานยนต์อื่นๆที่น่าสนใจ คลิกที่นี่

รับชมคลิปวีดีโอทดสอบรถของเรา คลิกที่นี

บทความที่น่าสนใจ

New Toyota Yaris ปรับเครื่องยนต์ใหม่ พร้อมแนะนำชุดแต่งพิเศษ Yaris Cross เริ่ม 5.39 แสนบาท

Peng

Porsche Charging Lounge สถานีชาร์จไฟระดับพรีเมียม เปิดนำร่องแห่งแรกแล้วที่เยอรมนี

Peng

Maserati MCXtrema ชื่ออย่างเป็นทางการรถแข่ง 730 แรงม้า เปิดตัวจริง 18 ส.ค.นี้

Peng

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy